Page 605 - kpi17968
P. 605
594
ประชาชนโดยทั่วไป (Strauss, 2010, p.10) ทั้งนี้หากศาลตีความเกินกว่าตัวบท
รัฐธรรมนูญจะถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย (Roosevelt, 2006, pp. 47-
48) และการย้อนกลับไปหาเจตนารมณ์ของผู้ร่างรัฐธรรมนูญจะป้องกันการใช้
ดุลยพินิจของผู้พิพากษาในอนาคต ซึ่งการปล่อยให้ผู้พิพากษาใช้ดุลยพินิจอาจจะ
เป็นการตัดสินใจที่เลวร้ายหรือหลุดออกจากค่านิยมที่ดี (Balkin, 2009, p. 554)
การค้นหาเจตนารมณ์ของผู้ร่างรัฐธรรมนูญคือ ความพยายามจะปกป้องให้
ศาลพิจารณาคดีโดยปราศจากค่านิยมให้มากที่สุด และสิ่งที่ศาลจะใช้ในการ
พิจารณาคดีจะมีเฉพาะตัวบทและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ แต่ทั้งนี้หลักฐาน
ทางประวัติศาสตร์ต้องไม่มากไปกว่า ความหมายพื้นฐาน (plain meaning)
ที่กำหนดในรัฐธรรมนูญ (Roosevelt, 2006, pp. 50-51)
นอกจากนี้นักคิดตามแนวคิดแบบเจตนารมณ์นิยมเห็นว่าแนวทาง
การตีความรัฐธรรมนูญด้วยการวิเคราะห์หาเจตนารมณ์เป็นแนวทางที่ดีกว่า
แนวทางอื่น ด้วยเหตุผลสำคัญ 8 ประการ (Exploring Constitutional Conflict,
2014) คือ
1. เจตนารมณ์นิยมลดความเป็นไปได้ของการตัดสินใจของตุลาการที่จะ
ครอบครองอิทธิพลเหนืออำนาจที่มาจากตัวแทนจากการเลือกตั้ง
2. ในช่วงเวลาที่ยาวนานการดำเนินการวินิจฉัยตามแนวทางเจตนารมณ์
นิยมจะส่งผลที่ดีกว่าจะมอบอำนาจให้แก่ศาลเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตัวของศาลเอง
3. แนวทางการตีความรัฐธรรมนูญที่ไม่ใช่แนวทางเจตนารมณ์นิยมอนุญาต
ให้ตุลาการนำอัตวิสัยและค่านิยมของตนมาตัดสิน ซึ่งศาลควรจะตัดสินอย่างเป็น
กลาง เป็นวัตถุวิสัย ตามความตั้งใจของผู้ร่างและผู้ให้สัตยาบันแก่รัฐธรรมนูญ
ที่คาดหวังให้ศาลวินิจฉัยอย่างเป็นกลาง
4. คดี Lochner vs. New York เป็นตัวอย่างหนึ่งของการวินิจฉัยที่ไม่ใช้
แนวทางเจตนารมณ์นิยม และเป็นคำวินิจฉัยที่ไม่ดี
บทความที่ผานการพิจารณา