Page 607 - kpi17968
P. 607
596
3. ถ้าเชื่อตามแนวคิดเจตนารมณ์นิยมจะเห็นว่าสังคมนั้นๆ ต้องถูกควบคุม
โดยบางคนที่ร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมา ทั้งที่บุคคลเหล่านั้นก็ไม่ได้มีอายุยืนยาวพอที่จะ
เข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง คนรุ่นปัจจุบันจะไม่มี
สิทธิในการตัดสินใจเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญที่ใช้บังคับตนอยู่นั่นเอง
ด้วยข้อจำกัดที่เกิดขึ้นของแนวทางการตีความตามเจตนารมณ์ข้างต้น
จึงได้มีการเสนอแนวทางการศึกษารัฐธรรมนูญรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า เจตนารมณ์
นิยมใหม่
ตนารม นิยม หม
จากข้อจำกัดของแนวทางเจตนารมณ์นิยมเดิม นักคิดหลายคนจึงได้พัฒนา
แนวคิดเจตนารมณ์นิยมให้สามารถตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของสังคม
การเมืองที่เปลี่ยนไปด้วย โดยเฉพาะ แจ็ค เอ็ม เบาคิน (Jack M Balkin)
ได้เสนอแนวคิด เจตนารมณ์นิยมใหม่ ซึ่งเชื่อว่า รัฐธรรมนูญควรจะเป็นอะไรที่
แก้ไขได้ ผ่านการโต้เถียงเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ของประชาชนที่พวกเขาเชื่อว่ามีสิ่งอื่น
ที่ดีกว่า ซึ่งถือว่ากระบวนการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นกระบวนการเปลี่ยนผ่าน
แนวนอน ที่จะช่วยรักษาความชอบธรรมของประชาธิปไตยของการเปลี่ยนแปลง
รัฐธรรมนูญผ่านการสร้างรัฐธรรมนูญใหม่ (Balkin, 2009, p.554) กล่าวคือ
เบาคินได้เสนอว่า อำนาจสูงสุดอยู่ที่ประชาชนในปัจจุบันจะเป็นผู้ตัดสินว่าควรจะ
เป็นอย่างไร ดังนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญกระทำได้ผ่านการชูประเด็นที่ต้องการจะ
เปลี่ยนแปลงให้กลายเป็นประเด็นของสังคม และให้สังคมเป็นผู้ตัดสินว่าต้องการ
จะเป็นไปทางไหน และศาลจะต้องปฏิบัติเปลี่ยนแปลงตามแนวทางที่สังคมต้องการ
เพื่อให้รัฐธรรมนูญเป็นสิ่งที่สามารถตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย
สำหรับเบาคิน เชื่อว่า แนวคิดเจตนารมณ์นิยมใหม่ไม่ใช่การตีความ
รัฐธรรมนูญ แต่เป็นการสร้างการนำไปใช้และการประยุกต์รัฐธรรมนูญไปสู่การ
ปฏิบัติ และสร้างสถาบันเพื่อทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ (Ibid., p. 559) ซึ่งถ้า
ปฏิบัติตามตามแนวทางนี้จะสามารถสร้างรัฐธรรมนูญที่ดำรงอยู่ได้อย่างยาวนาน
และเป็นที่ยอมรับ ด้วยเหตุผลหลักสี่ประการ (Ibid., p. 584) คือ
บทความที่ผานการพิจารณา