Page 475 - kpi18886
P. 475
467
และนามธรรม ในยุคสมัยของ คสช. มีหลายบริบทที่สนับสนุนการคงอยู่ และ
ส่งเสริมบทบาทของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาทินโยบายตำบลละ 5 ล้านบาท ที่เป็น
นโยบายการให้เม็ดเงินลงไปสู่ชนบท โดยเป็นนโยบายที่กำหนดให้กำนัน
ผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ และบริหารงานเงินเหล่านั้น มีจุดประสงค์เพื่อให้
กำนัน ผู้ใหญ่บ้านนำเงินไปพัฒนาชุมชนของตน ด้วยการให้เขียนแผนโครงการ
ที่จะทำมาเสนอต่อนายอำเภอก่อน เหล่านี้ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงการให้สำคัญกับ
กำนัน ผู้ใหญ่บ้านของยุคสมัยนี้
ความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยแต่ยังคงอยู่ภายใต้ขั้วอำนาจเดิม ทำให้
ความเจริญของท้องถิ่นถูกทับซ้อนกันอย่างยากที่จะเปลี่ยนแปลง ความเจริญของ
ท้องถิ่นทำให้องค์การบริหารส่วนตำบลมีบทบาทมากขึ้น เพราะความเป็นนิติบุคคล
ที่ทำให้การบริหารจัดการมีความรวดเร็ว แก้ปัญหาให้กับชาวบ้านได้ตรงจุด และ
มีความครอบคลุมกว่าการบริหารจัดการของภาครัฐที่ต้องผ่านการจัดการ
หลายระบบ เช่น หากประชาชนในหมู่บ้านเกิดปัญหาให้ไปแจ้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
จากนั้นกำนัน ผู้ใหญ่บ้านจึงไปแจ้งปลัดอำเภอ ปลัดอำเภอนำเรื่องเข้านายอำเภอ
จะเห็นได้ว่า ด้วยระบบการทำงานที่ซับซ้อนกว่า ทำให้การบริหารจัดการเรื่องใด
เรื่องหนึ่งต้องใช้เวลาดำเนินการนานกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้องค์การบริหาร
ส่วนตำบลดูจะมีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาที่รวดเร็วมากกว่ามาก แม้ว่าความทับ
ซ้อนของระบบที่มีอย่างยาวนานของไทย ทำให้ระบบกำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่เคยมี
บทบาทอย่างมากกับถูกลดบทบาทลง แต่ในทางปฏิบัติกำนัน ผู้ใหญ่บ้านยังคงมี
บทบาทอย่างมากในชนบท เป็นผู้ประสานงานกับปลัดอำเภอ นายอำเภอ เพื่อ
นำความเจริญมาสู่ท้องถิ่น ซึ่งหากขาดผู้ประสานงานที่ดีก็จะเกิดคำถามต่อมาว่า
ปลัดอำเภอ และนายอำเภอจะยังคงมีบทบาทต่อไปในทิศทางใด
การบริหารงานของภาครัฐในรูปแบบรัฐรวมศูนย์ ภาครัฐย่อมให้ความ
สำคัญกับการบริหาร และกระจายความเจริญผ่านระบบโครงสร้างราชการ
ในขณะที่สังคมชนบทมีความเจริญ และพึ่งพาตนเองมากขึ้น ซึ่งความเจริญในที่นี้
รวมถึงความเจริญทางความคิด วัฒนธรรม และการความเจริญทางสภาพแวดล้อม
เหล่านี้ล้วนทำให้กลไกเดิมที่มีถูกทับซ้อนกับความเจริญ และการเปลี่ยนแปลง
ที่เกิดขึ้น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านจึงไม่ต่างจากสัญลักษณ์ของรัฐราชการที่เด่นชัดที่สุด
บทความที่ผานการพิจารณา