Page 43 - kpi20686
P. 43

ห น้ า  | 33


                       ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานนั้น ๆ ดีพอ อาจวางรูปคดีและแสวงหาพยานหลักฐานไม่ถูกต้องตรงประเด็น
                       ที่จะพิสูจน์ความจริงได้ เมื่อยื่นฟ้องคดีต่อศาล ก็มีกรณีที่ศาลยกฟ้องเนื่องจากการรวบรวม
                       พยานหลักฐานไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ความผิดของจ าเลยได้ นอกจากนี้ บางองค์กรก็อาจถูกแทรกแซง
                       จากฝ่ายการเมืองในการด าเนินคดีได้ ท าให้เกิดความไม่คุ้มค่า ขาดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล เกิด

                       ความเสียหายต่อทางราชการและเงินแผ่นดิน อีกทั้งยังมิได้ก าหนดนิยามศัพท์ค าว่า “เงินแผ่นดิน” ไว้
                       ในกฎหมายฉบับใด ๆ เลย ท าให้เกิดการตีความที่ท าให้เกิดความเสียหายต่อเงินภาษีของประชาชน
                       และจากการบริหารงานของรัฐบาลที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเงินและ
                       การคลัง ดังที่ปรากฏเป็นค าวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3-4/2557 ที่มีการเข้าใจกันว่า เงินกู้ไม่ใช่เงิน

                       แผ่นดิน ซึ่งจากการศึกษานิยามศัพท์ค าว่า “เงินแผ่นดิน” ในกฎหมายของต่างประเทศจะหมายรวมถึง
                       เงินกู้ด้วย และการใช้จ่ายเงินดังกล่าวจะต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา
                                ข้อเสนอแนะที่ได้จากการวิจัย คือ ควรแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติ
                       ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2542 โดยให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของส านักงาน

                       การตรวจเงินแผ่นดินเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มีอ านาจสรุป
                       ส านวนสอบสวนเพื่อส่งพนักงานอัยการในการสั่งฟ้องคดีได้ หรือในกรณีที่พนักงานอัยการไม่สั่งฟ้องคดี
                       ก็ให้ส านักงานการตรวจเงินแผ่นดินมีอ านาจฟ้องคดีเอง หรือแต่งตั้งทนายความเพื่อฟ้องคดีแทนได้

                       รวมถึงแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน
                       พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการตรวจเงินแผ่นดินโดยตรง ให้มีนิยามศัพท์ค าว่า “เงิน
                       แผ่นดิน” ที่ชัดเจน เพื่อเป็นค านิยามหลักที่หน่วยงานอื่น ๆ สามารถน าไปใช้อ้างอิงได้
                                ชญานิน แจ้งกระจ่าง (2558) ได้ศึกษาเรื่อง ปัญหาในการบังคับใช้พระราชบัญญัติประกอบ
                       รัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2542 โดยงานวิจัยฉบับนี้มุ่งศึกษาปัญหาในการบังคับใช้

                       พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2542 เนื่องจากเกิดปัญหาใน
                       การบังคับใช้กฎหมายของส านักงานตรวจเงินแผ่นดิน ไม่สามารถด าเนินการบังคับกับหน่วยงานของรัฐ
                       ตามที่กฎหมายบัญญัติให้อ านาจไว้ตามมาตรา 44 และมาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ จาก

                       การศึกษาพบว่า ประการแรก ตามมาตรา 44 เมื่อคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินแจ้งผลการ
                       ตรวจสอบพบความผิดทางวินัย และความผิดทางละเมิด หน่วยงานของรัฐจะด าเนินการตั้ง
                       คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง ซึ่งผลการตรวจสอบของหน่วยรับตรวจอาจไม่สอดคล้อง
                       กับผลการตรวจสอบของส านักงานตรวจเงินแผ่นดิน และส านักงานตรวจเงินแผ่นดินก็ไม่มีอ านาจ

                       บังคับให้เป็นไปตามผลที่ได้ตรวจสอบ จึงเห็นควรให้หน่วยรับตรวจถือผลการตรวจสอบของส านักงาน
                       คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินเป็นแนวทางในการลงโทษ โดยไม่ต้องตั้งคณะกรรมการสอบ
                       ข้อเท็จจริงอีกครั้ง ประการที่สอง ตามมาตรา 46 เมื่อคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินตรวจ พบว่า
                       เป็นความผิดทางอาญา คณะกรรมการต้องแจ้งต่อพนักงานสอบสวนเพื่อด าเนินคดี และหากปรากฏว่า

                       เป็นความผิดที่เกี่ยวข้องกับต าแหน่งหน้าที่ราชการ พนักงานสอบสวนต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการ
                       ป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งท าให้การด าเนินการเกิดความซ้ าซ้อนและล่าช้า ประการ
                       ที่สาม ส านักงานตรวจเงินแผ่นดินไม่อนุญาตให้น าทนายความหรือผู้ที่ไว้วางใจเข้าร่วมในการสอบ
                       ถ้อยค าต่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นการลิดรอนสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ควรก าหนดให้น า

                       ทนายความหรือผู้ที่ไว้วางใจเข้าร่วมในการสอบถ้อยค าด้วย
   38   39   40   41   42   43   44   45   46   47   48