Page 39 - kpi20686
P. 39
ห น้ า | 29
ศรีสมบัติ โชคประจักษ์ชัด และคณะ (2550) ได้ศึกษาเรื่อง การพัฒนาเกณฑ์และมาตรฐาน
การปฏิบัติงาน กรณีศึกษาส านักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โดยมี
วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเกณฑ์และมาตรฐานการปฏิบัติงานของส านักงานคณะกรรมการป้องกันและ
ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตามภาระงานทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการปราบปรามการทุจริต ด้านการ
ป้องกันการทุจริต ด้านการตรวจสอบทรัพย์สิน และด้านการบริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การ
วิจัยนี้ใช้วิธีการวิจัยแบบเชิงคุณภาพ โดยการเก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก เอกสาร การใช้
เทคนิคเดลฟาย และการประชุมเชิงปฏิบัติการ โดยการเก็บข้อมูลจากลุ่มผู้ให้สัมภาษณ์เชิงลึก จ านวน
19 คน และจากการใช้เทคนิคเดลฟาย จ านวน 22 คน การประชุมเชิงปฏิบัติการผู้บริหารระดับกลาง
จ านวน 28 คน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ ค่ามัธยฐาน ค่าฐานนิยม ค่าพิสัยระหว่างควอไทล์ ค่าเฉลี่ย และ
ค่าเบี่ยงแบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า มาตรฐานการปฏิบัติงานที่ได้จาดความคิดเห็นของ
ผู้ทรงคุณวุฒิ และมีความเป็นไปได้ในการน าไปปฏิบัติในระดับมากขึ้นไป ประกอบด้วยมาตรฐานการ
ปฏิบัติงานด้านการปราบปรามการทุจริต จ านวน 20 มาตรฐาน ด้านการป้องกันการทุจริต จ านวน 11
มาตรฐาน การตรวจสอบทรัพย์สิน จ านวน 13 มาตรฐาน และด้านงานบริหารและพัฒนาทรัพยากร
มนุษย์ จ านวน 16 มาตรฐาน
เดือนเด่น นิคมบริรักษ์, วีรวัลย์ ไพบูลย์จิตต์อารี, ธารทิพย์ ศรีสุวรรณเกศ และธิปไตร แส
ละวงศ์ (2558) ได้ศึกษาเรื่อง ประเมินองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญว่าด้วยการต่อต้านคอร์รัปชั่น ผล
การศึกษาพบว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปี พ.ศ. 2540 ได้วางกลไกการป้องกันและ
ปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันไว้ โดยการจัดตั้งองค์กรอิสระสามองค์กร ได้แก่ คณะกรรมการ
ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) และ
ผู้ตรวจการแผ่นดิน แม้จะมีการยกเลิกรัฐธรรมนูญฯ ฉบับดังกล่าวแล้ว แต่การจัดตั้งองค์กรทั้งสามแห่ง
ยังคงถูกบัญญัติไว้ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปี พ.ศ. 2550 เช่นเดิม การศึกษานี้
จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินโครงสร้างองค์กรและประเมินผลการด าเนินงานที่ผ่านมาขององค์กร
อิสระทั้งสามแห่งเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ในกระบวนการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งผลการศึกษา
สรุปได้ดังต่อไปนี้
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภายใต้บทบัญญัติของ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปี พ.ศ. 2540 และ พ.ศ. 2550 ได้ให้ความเป็นอิสระในการ
ด าเนินงานด้านการป้องกัน การปราบปราม การตรวจสอบ และการด าเนินคดีเกี่ยวกับการทุจริตคอร์
รัปชัน ตลอดจนการตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ด ารงต าแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ระดับสูง
บทบัญญัติตามกฎหมายในการจัดตั้ง รวมทั้งโครงสร้างองค์กรของป.ป.ช. ถือได้ว่าเป็นต้นแบบที่ดีของ
องค์กรในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน แต่จากผลการศึกษา พบว่า อุปสรรคในการด าเนินงานที่
ส าคัญที่สุด คือ ข้อจ ากัดทางด้านงบประมาณ ซึ่งต้องพึ่งพาการจัดสรรจากรัฐบาล และการที่ ป.ป.ช.
ไม่มีกฎหมายคุ้มครองในการด าเนินงานตามกรอบอ านาจหน้าที่ รวมทั้งไม่มีการเปิดเผยข้อมูลผลการ
ด าเนินงานสู่สาธารณชน