Page 40 - kpi20686
P. 40
ห น้ า | 30
คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ถูกจัดตั้งให้เป็นองค์กรอิสระในปี พ.ศ. 2540
หลังจากอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของฝ่ายบริหารมาเป็นเวลานาน คตง. มีอ านาจหน้าที่ในการก าหนด
นโยบายและแผนงานให้แก่ส านักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ในการตรวจสอบการใช้งบประมาณ
ของหน่วยงานรัฐ รวมทั้งก าหนด “โทษทางปกครอง” (โทษปรับเทียบเท่าเงินเดือนสูงสุดไม่เกิน 12
เดือน) แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการงบประมาณและการคลัง โดยด าเนินการ
ผ่านทางคณะกรรมการวินัยทางการเงินและการคลัง ก่อนที่ สตง. จะส่งดังกล่าวให้ ป.ป.ช. สืบสวน
ขยายผลต่อไป อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน คตง. ได้สูญเสียอ านาจในการยับยั้งการเบิกจ่ายงบประมาณของ
โครงการที่เห็นว่ามีความเสี่ยงในการทุจริตคอร์รัปชัน จากผลการศึกษา พบว่า คตง. ต้องประสบกับ
ปัญหาในการด าเนินการเช่นเดียวกับ ป.ป.ช. ในประเด็นแรก คือ ความไม่เพียงพอของงบประมาณใน
การด าเนินการ โดยงบประมาณที่ คตง. ได้รับคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 0.07 ของงบประมาณ
รายจ่ายประจ าปีของรัฐบาล ขณะที่ สตง. ของอินโดนีเซียได้รับถึงร้อยละ 0.15 ของรายจ่ายรัฐบาล
ตนเอง ประเด็นที่สอง คือ การขาดการเปิดเผยข้อมูลการตรวจสอบต่อสาธารณชนอย่างทันท่วงที
เพราะต้องรอให้รัฐสภาและรัฐบาลพิจารณาเสร็จสิ้นก่อนที่จะมีการเปิดเผยต่อสาธารณชน ซึ่งก็ไม่มี
กฎหมายใดก าหนดให้ต้องทั้งสองฝ่ายต้องใช้เวลาพิจารณานานเพียงใด
ผู้ตรวจการแผ่นดิน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 และ พ.ศ. 2550 ได้
ก าหนดให้ผู้ตรวจการแผ่นดินมีหน้าที่ในการพิจารณาและสอบสวนหาข้อเท็จจริงตามค าร้องเรียนจาก
การกระท าของข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือ
รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น รวมทั้งองค์กรตามรัฐธรรมนูญและองค์กรในกระบวนการ
ยุติธรรม นอกจากนี้ยังมีภารกิจในการด าเนินการเกี่ยวกับจริยธรรมของผู้ด ารงต าแหน่งทางการเมือง
ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังสามารถเสนอเรื่องต่อศาลปกครองและ
ศาลรัฐธรรมนูญได้ในกรณีที่มีปัญญาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หากแต่บทบาท
ของผู้ตรวจการแผ่นดินมีอ านาจเพียงการตรวจสอบและจัดท าข้อเสนอแนะไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เท่านั้น และจัดท ารายงานเสนอไปยังรัฐสภา คณะรัฐมนตรีสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา จากผล
การศึกษา ชี้ให้เห็นว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินแม้จะได้รับความเป็นอิสระในการบริหาร จัดการด้าน
งบประมาณ และบุคคล แต่การจัดสรรงบประมาณต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลเช่นเดียวกับ ป.ป.ช. และ
คตง. ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วการจัดสรรงบประมาณดังกล่าวยังไม่เพียงพอต่อการด าเนินงาน
กล่าวโดยสรุปแล้ว แม้องค์กรทั้งสามแห่งจะถูกบัญญัติด้วยรัฐธรรมนญให้เป็นองค์กรอิสระ
ในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน แต่องค์กรทั้งสามแห่งยังคงประสบกับปัญหาในการด าเนินงาน
อย่างต่อเนื่อง ประการแรก คือ ความไม่เพียงพอของงบประมาณในการด าเนินงาน ซึ่งยังต้องพึ่งพา
รัฐบาลในการจัดสรรงบประมาณ และประการที่สอง คือ การขาดความโปร่งใสในการด าเนินการ
เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลผลการด าเนินงานสู่สาธารณะไม่ครบถ้วนและไม่ทันการณ์
สันต์ เกตุพันธุ์ และสมิหรา จิตตลดากร (2562) ได้ศึกษาเรื่อง ประสิทธิผล การป้องกัน
ปราบปราม การตรวจสอบทรัพย์สินของส านักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
แห่งชาติ (ป.ป.ช.) การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษานโยบายการป้องกัน ปราบปราม การ
ตรวจสอบทรัพย์สิน ด้วยภาระรับผิดชอบ ให้ได้ประสิทธิผล 2) เพื่อศึกษาการป้องกัน ปราบปราม การ
ตรวจสอบทรัพย์สิน ด้วยความชอบธรรม ให้ได้ประสิทธิผล 3) เพื่อศึกษาผลกระทบ ปัญหา และการ