Page 136 - kpi20756
P. 136

1       การประชุมวิชาการ
                    สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 21
            ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ สร้างคุณภาพประชาธิปไตย


                  แล้วหนุนเสริมด้วยกรอบแนวคิดที่ว่าด้วยกระบวนการทำให้เป็นการเมืองที่เชื่อมโยงเข้ากับ
                  การแปรเปลี่ยนความขัดแย้งให้เป็นประเด็นทางการเมือง ซึ่งมุ่งเน้นในการทำความเข้าใจเรื่อง

                  การปะทะ ต่อรอง รวมถึงจุดที่แปรเปลี่ยนความขัดแย้งที่ใช้อาวุธให้กลายเป็นประเด็นการเรียกร้อง
                  ทางการเมืองโดยใช้แนวทางทางการเมืองแทนการใช้อาวุธ


                       จากงานทั้งหมดข้างต้นจะพบว่า งานชิ้นนี้แตกต่างจากงานที่กล่าวไปแล้วข้างต้น คำถามของ
                  วิทยานิพนธ์ของดวงยิหวาและธนิกุล มุ่งที่จะมองไปสู่การมีส่วนร่วมทางการเมืองและพฤติกรรม

                  การเลือกทางการเมืองของผู้คนในพื้นที่ ขณะที่งานของ Ockey ชี้ให้เห็นถึงพัฒนาการของ
                  นักการเมืองแต่หยุดลงที่ช่วงต้นของความรุนแรง เฉกเช่นเดียวกับชุดหนังสือนักการเมืองท้องถิ่น
                  ของสถาบันพระปกเกล้าที่มุ่งเน้นนำเสนอข้อมูลภาพกว้างของนักการเมือง งานวิจัยที่ได้ศึกษา

                  เอาไว้จึงอาจกล่าวได้ว่าเป็นการสานต่อเรื่องราวที่งานวิจัยชิ้นต่างๆ ที่ระบุไว้ได้ศึกษามา โดยมุ่งเน้น
                  ศึกษาผ่านกรอบช่วงของความรุนแรงที่จะทำให้เห็นถึงพลวัตของนักการเมืองในพื้นที่ จากข้อมูล

                  ทางประวัติศาสตร์ผ่านงานหลายๆ ชิ้นที่กล่าวถึงไปแล้วข้างต้นชี้ให้เห็นว่า มีนักการเมืองมลายู
                  มุสลิมที่เคยเข้าสู่ระบบรัฐสภา แต่กลับกลายเป็นความผิดหวังและหันไปตั้งขบวนการติดอาวุธ
                  ตลอดจนเรื่องราวของนักการเมืองที่เมื่อเข้าสู่พื้นที่ทางการเมือง แต่ก็ยังถูกมองว่ามีความข้อง

                  เกี่ยวกับกลุ่มติดอาวุธ หากทว่านักการเมืองเหล่านี้ก็ยังคงเดินอยู่ในสายการเมืองผ่านการเลือกตั้ง
                  ต่อไป ขณะเดียวกันในห้วงเวลาของความรุนแรงยังมีการแสดงออกของประชาชนที่มีผ่านการเลือกตั้ง

                  ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนหน้าตาของนักการเมืองในพื้นที่จนกระทั่งนักการเมืองต้องปรับตัวและ
                  ปรับกลยุทธ์เพื่อเข้าถึง อย่างไรก็ตามในบทความชิ้นนี้จะมุ่งเน้นไปที่พลวัตการเคลื่อนไหวใน 3 มิติ
                  ที่น่าสนใจ คือ ตัวตนของนักการเมืองนับตั้งแต่ก่อนปี 2547 จนกระทั่งหลังปี 2547 ตลอดจน

                  โอกาสและข้อท้าทายสำหรับความเป็นนักการเมืองมลายูมุสลิม เพื่อชี้ให้เห็นถึงนัยสำคัญที่
                  อัตลักษณ์มีต่อการเมืองในพื้นที่ชายแดนใต้นั่นเอง



                  นักการเมืองมลายูมุสลิมในพื้นที่ชายแดนใต้: ตัวตน



                       หากกล่าวถึงตัวตนของนักการเมืองมลายูมุสลิมตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นช่วงก่อน
                  หรือหลังจากเกิดสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ จะพบว่านักการเมืองมลายูมุสลิมมีการ

                  ขับเคลื่อนเพื่อเรียกร้องสิทธิให้กับประชาชนในพื้นที่มาโดยตลอด นอกเหนือจากนั้นสิ่งที่เป็นตัวตน
                  ของนักการเมืองในพื้นที่ยังประกอบสร้างผ่านการทำงานขับเคลื่อนเพื่อสังคมในฐานะองค์กร
                  ภาคประชาสังคม นักกฎหมาย หรือกระทั่งเป็นผู้มีอิทธิพลที่ทำงานให้กับประชาชนได้ระดับหนึ่ง

                  นอกจากนั้นลักษณะที่เห็นได้ชัดของการขับเคลื่อนของนักการเมืองในพื้นที่จะเห็นถึงการเข้าถึง
                  ประชาชนผ่านหัวคะแนนที่จะมีผลอย่างมากต่อฐานเสียงของนักการเมืองระดับชาติในพื้นที่
        เอกสารประกอบการสัมมนากลุ่มย่อยที่ 2   ในครอบครัว ตลอดจนยังสามารถเห็นการยกฐานะจากผู้ที่สามารถช่วยเหลือชาวบ้านสู่การเป็น
                  ขณะเดียวกันยังสามารถเห็นลักษณะของการถ่ายทอดการทำงานทางการเมืองแก่สมาชิก


                  ตัวแทน


                       โดยที่ลักษณะเฉพาะที่กล่าวไว้ข้างต้น จะเห็นอย่างค่อนข้างชัดเจนว่าการขับเคลื่อนส่วนใหญ่

                  ของนักการเมืองมลายูมุสลิมใช้ความเป็นมลายูมุสลิมในการหาเสียง รวมถึงการดำเนินขับเคลื่อน
   131   132   133   134   135   136   137   138   139   140   141