Page 141 - kpi20756
P. 141
การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 21 1 1
ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ สร้างคุณภาพประชาธิปไตย
ในครั้งนี้ตระกูลโต๊ะมีนาก็หันไปจับมือกับตระกูลอับดุลบุตรที่เคยเป็นคู่แข่งทางการเมืองมาตลอด
ตั้งแต่มีการเลือกตั้งในยุคแรกๆ เป็นต้นมา นอกจากนั้นแล้วในช่วงเวลานี้ยังพบเห็นถึงกระแสของ
กลุ่มภาคประชาสังคม กลุ่มสตรี และเยาวชนที่หันเข้ามาสู่พื้นที่การเมืองมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
สถานการณ์ที่ผ่านมาทำให้มีกลุ่มขับเคลื่อนภาคประชาสังคมที่มีการเคลื่อนไหวประเด็นทางสังคม
มาตลอด กระทั่งกลุ่มเหล่านี้ค่อยๆ ผันตัวเข้าสู่กลุ่มการเมือง โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นทนายความ
อาสาเพื่อสังคมสังกัดมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม 4 ท่าน ที่เข้าสู่พรรคการเมือง 4 พรรค
โดยได้รับชัยชนะถึง 2 ท่าน โดยท่านหนึ่งสังกัดพรรคพลังประชารัฐ และอีกท่านสังกัดพรรค
ประชาชาติ ส่วนอีกสองท่านที่ไม่ได้รับชัยชนะ สังกัดพรรคภูมิใจไทยและพรรคอนาคตใหม่
ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย
ในการเลือกตั้งใน พ.ศ. 2562 นี้ ยังเห็นถึงอีกหนึ่งพัฒนาการที่สำคัญคือ การที่กลุ่มที่เคย
เป็นขบวนการต่อสู้ เริ่มมีท่าทีในการสนับสนุนพื้นที่ทางการเมืองอย่างเด่นชัดมากขึ้น แม้ว่าในช่วง
ก่อนหน้า พ.ศ. 2547 จะพบว่าแกนนำคนสำคัญของกลุ่มขบวนการฯ ที่ฝ่ายความมั่นคงต้องการ
พบตัวมากที่สุดในเวลานี้ ก็เคยเป็นหนึ่งในหัวคะแนนคนสำคัญให้กับกลุ่มการเมืองในพื้นที่
ซึ่งข้อมูลนี้ได้รับการยืนยันจากวงสนทนากลุ่มทั้งวงของนักการเมืองและนักวิชาการ/ภาคประชา-
สังคม แต่ก็มองได้ว่าเป็นในแง่ของปัจเจกมากกว่าระดับองค์กรโดยรวม ขณะที่ในปีในการเลือกตั้ง
ล่าสุดนี้ มีข้อมูลระบุชัดถึงการสนับสนุนพรรคการเมืองหนึ่งของสมาชิกคนสำคัญบางท่านในกลุ่ม
มาราปาตานี ซึ่งเป็นองค์กรร่มของขบวนการต่อสู้ปลดปล่อยปาตานีที่กำลังดำเนินการพูดคุย
สันติภาพ/สันติสุขกับตัวแทนของรัฐบาลไทยในเวลานี้ อย่างไรก็ตาม ในแง่ของแนวคิดแล้วแม้ว่า
เมื่อฟังดูแล้ว เป้าหมายของนักการเมืองและกลุ่มขบวนการต่อสู้จะต้องการในสิ่งที่คล้ายคลึงกัน
ในความต้องการเห็นการพัฒนาของพื้นที่ หากแต่ว่าวิธีการที่จะไปให้ถึงเป้าหมายของทั้งสองกลุ่ม
มีความแตกต่างกัน
จากข้อมูลทั้งหมด จึงทำให้เห็นว่า ถึงที่สุดแล้ว ความเป็นนักการเมืองในพื้นที่ชายแดนใต้
มีลักษณะที่เฉพาะ ซึ่งต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับทั้งการเมืองไทยและสถานการณ์ในพื้นที่
ใปพร้อมๆ กัน การเป็นนักการเมืองมลายูมุสลิม เป็นทั้งโอกาสที่จะได้รับเสียงจากคนมลายูมุสลิม
ส่วนใหญ่ในพื้นที่ แต่ก็เป็นข้อท้าทายสำหรับการเป็นตัวแทนของชนกลุ่มน้อยที่อยู่ในพื้นที่ขัดแย้ง
ของสังคมไทยโดยรวมด้วยเช่นกัน
โอกาสและข้อท้าทายของการเป็นนักการเมืองมลายูมุสลิมในพื้นที่
ชายแดนใต้
หากพิจารณาข้อมูลที่กล่าวไว้ข้างต้น จะพบว่า อัตลักษณ์ของความเป็นมลายูมุสลิม ถึงที่สุด
แล้วมีผลที่เป็นนัยสำคัญต่อการเป็นนักการเมืองที่จะได้รับเสียงคะแนนเลือกตั้งจนชนะเพื่อเข้าไป
เป็นตัวแทนของประชาชนในสภาผู้แทนราษฎร แม้ว่าก่อนปี พ.ศ. 2562 ปรากฏให้เห็นถึงสมาชิก
สภาผู้แทนราษฎรที่เป็นชาวพุทธ แต่ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดจะพบว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้ง เอกสารประกอบการสัมมนากลุ่มย่อยที่ 2
11 เขต ล้วนแล้วแต่เป็นคนมลายูมุสลิมทั้งสิ้น ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี แม้ว่าจะผสมผสาน