Page 137 - kpi20756
P. 137

การประชุมวิชาการ
                                                                                        สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 21   1 7
                                                                                        ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ สร้างคุณภาพประชาธิปไตย


                      ในเชิงนโยบายที่มักจะข้องเกี่ยวกับประเด็นความเป็นมุสลิม เช่น พระราชบัญญัติส่งเสริมกิจการ
                      ฮัจญ์ การเคลื่อนไหวประเด็นเรื่องการคลุมฮิญาบ หรือการสนับสนุนการก่อตั้งธนาคารอิสลาม

                      เป็นต้น ในแง่นี้เองตัวตนของนักการเมืองมลายูมุสลิมจึงมีความใกล้ชิดกับอัตลักษณ์ของประชาชน
                      ส่วนใหญ่ในพื้นที่รวมถึงตัวนักการเมืองเองอย่างค่อนข้างเห็นได้ชัด อาจกล่าวได้ว่า การเป็น
                      ตัวแทนในมุมของนักการเมืองมลายูมุสลิมมีความใกล้ชิดกับเรื่องของการเป็นตัวแทนในเชิง

                      อัตลักษณ์ของผู้คน และอาจเป็นเพราะพื้นที่นี้อยู่ภายใต้สถานการณ์ความไม่สงบมาอย่างยาวนาน
                      ทำให้ความคาดหวังของการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ของประชาชนจึงมักตกอยู่กับนักการเมืองมลายู

                      มุสลิม และส่งผลให้ความเป็นนักการเมืองมลายูมุสลิมจะต้องขับเคลื่อนบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับ
                      เรื่องของสถานการณ์ในพื้นที่ด้วยเช่นกัน


                            หากมองในเชิงรายละเอียด จะพบว่าในช่วงเวลาก่อนปี พ.ศ.2547 มีการขับเคลื่อนของกลุ่ม
                      นักการเมืองมลายูมุสลิมที่ดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 2 ของประเทศไทย

                      ในปี พ.ศ. 2480 ในระหว่างนี้มีการเกิดรัฐประหารรวมถึงมีการปรับเปลี่ยนของรัฐธรรมนูญ
                      หลายฉบับ ขณะเดียวกันความรุนแรงในพื้นที่ก็เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นับตั้งแต่การเปลี่ยน
                      แนวทางของหนึ่งในอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมลายูมุสลิมคนแรก อย่างนายอดุลย์ ณ สายบุรี

                      ไปสู่การจัดตั้งกลุ่มขบวนการต่อสู้ขึ้นมาในช่วงปี พ.ศ.2500 และมีการตั้งขบวนการอีกหลายพรรค
                      หรือหลายองค์กรตามมาภายหลัง และหนึ่งในประวัติศาสตร์บาดแผลของชาวมลายูมุสลิมชายแดน

                      ใต้ที่เกิดขึ้นกับหะยีสุหลง อับดุลกอเดร์ โต๊ะมีนา ในช่วงเวลานั้น นอกจากเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้
                      เกิดขบวนการต่อสู้ต่างๆ แล้ว ยังเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับเส้นทางทางการเมืองของบุคคล
                      ในครอบครัวโต๊ะมีนาตามมา ไม่ว่าจะเป็นหะยีอามีน โต๊ะมีนา หรือเด่น โต๊ะมีนา ในขณะเดียวกัน

                      ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการถูกปฏิบัติอย่างอธรรมของชาวมลายูมุสลิมที่สะพานกอตอซึ่งนำไปสู่
                      การประท้วงใหญ่ในปี พ.ศ.2518 ยังเป็นอีกหนึ่งจุดเริ่มต้นสำคัญที่ก่อให้เกิดนักการเมืองของพื้นที่

                      ในเวลานั้นอีกหลายคน เมื่อความรุนแรงเริ่มมากขึ้นในช่วงต่อๆ มา การรวมตัวกันของกลุ่มนักการเมือง
                      ที่เป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเป็นคนในครอบครัว หรือกระทั่งเป็นกลุ่มคนที่ออกมาขับเคลื่อน
                      เพื่อต่อสู้เรียกร้องสิทธิให้ประชาชนก็เริ่มค่อยๆ รวมตัวกันจนเกิดเป็นกลุ่มวาดะห์ ซึ่งทำงาน

                      ทางการเมืองในเขตพื้นที่นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 อย่างไรก็ตาม กลุ่มวาดะห์ก็ไม่ได้เป็นเพียงกลุ่ม
                      นักการเมืองกลุ่มเดียวที่ทำงานในช่วงเวลานี้ ในบางพื้นที่โดยเฉพาะเขตเมืองของทั้งสามจังหวัด

                      ก็ยังคงเป็นฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะภายหลังจากปี พ.ศ. 2531 ที่นักการเมือง
                      จากกลุ่มวาดะห์ได้ย้ายเข้าไปสังกัดพรรคความหวังใหม่แทน (อิมรอน ซาเหาะ, 2558)


                            ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ปล้นปืนในต้นปี พ.ศ. 2547 เหตุการณ์
                      การอุ้มทนายสมชาย นีละไพจิตร รวมถึงเหตุการณ์กรือเซะและตากใบ ในช่วงปีนั้นเป็นช่วงเวลาที่

                      ตัวแทนจากกลุ่มนักการเมืองในพื้นที่ชายแดนใต้ส่วนใหญ่มาจากสายวาดะห์ และยังเป็นช่วงที่นับ
                      ได้ว่ามีตัวแทนที่เป็นนักการเมืองจากพื้นที่ชายแดนใต้ได้เข้าสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่ คือ
                      กระทรวงมหาดไทย  ซึ่งเป็นข้อกังขาและเป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชนในพื้นที่ผิดหวังไม่น้อยต่อการที่

                      รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยในเวลานั้นไม่สามารถใช้อำนาจที่มีในการปกป้องชีวิตของประชาชน
                      หรือเรียกร้องความยุติธรรมจากกรณีเหตุการณ์กรือเซะและตากใบได้ ในมุมมองของนักการเมืองเอง              เอกสารประกอบการสัมมนากลุ่มย่อยที่ 2
   132   133   134   135   136   137   138   139   140   141   142