Page 263 - kpi20756
P. 263
การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 21 2
ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ สร้างคุณภาพประชาธิปไตย
โดยความคืบหน้าปัจจุบัน กำลังรอการตอบรับจากเทศบาลนครเชียงใหม่ ในการอุดหนุน
งบประมาณร่วมโครงการพัฒนาดังกล่าว เมื่อเดือนสิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา การประชุมของ
คณะกรรมการได้มีการตกลงจัดทำแผนยุทธศาสตร์เมืองอัจฉริยะจังหวัดเชียงใหม่ให้เป็นแม่บท
ในการพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ในทิศทางเดียวกันของการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ และเป็นแนวทาง
ในการของบประมาณจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในการดำเนินงานด้าน
การพัฒนาเมืองอัจฉริยะและมุ่งเน้น “ยุทธศาสตร์เมืองอัจฉริยะด้านสิ่งแวดล้อม” (นำพล
สุริยะเจริญ, 2562)
สรุปได้ว่า การผลักดันนโยบายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ของประเทศไทย
ที่ตั้งสมมติฐานการวิจัยไว้ว่า นโยบายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะมาจากบทบาทภาคประชาชน แต่
จากการศึกษาค้นคว้าได้พบบทบาทของกลุ่มผลประโยชน์ในจังหวัดนั้น ๆ อาทิ จังหวัดขอนแก่น
จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี เป็นผู้ริเริ่มและผลักดันนโยบายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ
ด้วยเช่นกัน ซึ่งกลุ่มผลประโยชน์ได้อ้างถึงความต้องการของประชาชนที่ต้องการเปลี่ยนแปลง
วิถีชีวิตให้สอดคล้องกับสภาพการเป็นเมืองอัจฉริยะ ที่ชาวเมืองสามารถดำรงชีวิตบนพื้นฐานของ
การเชื่อมโยงทุกอย่างเข้ากับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สะดวกสบาย
มากขึ้นกว่าการดำรงชีวิตในอดีต การเดินทางในเมืองและการเดินทางไปทำงานสามารถเข้าถึง
การพยากรณ์ข้อมูลการเดินทางได้ล่วงหน้าเพื่อให้สอดคล้องกับการวางแผนการเดินทาง รวมถึง
การติดต่อกับหน่วยงานราชการที่การสืบค้นข้อมูลหรือการประสงค์จะใช้บริการอาจใช้ระบบ
อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลางเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการติดต่อรับบริการเหมือนในอดีต
6. ข้อสังเกตความเหลื่อมล้ำด้านนโยบายการพัฒนา “เมืองอัจฉริยะ
(Smart City)” ในประเทศไทย
สำหรับประเด็นการทบทวน การแสดงความห่วงใย สู่การปรับปรุงแนวทางนโยบาย
การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ เป็นการตั้งข้อสังเกตความเหลื่อมล้ำด้านนโยบายนี้ต่อเมืองอัจฉริยะ
ซึ่งอาจช่วยเติมเต็มแนวทางการพัฒนาที่เกิดขึ้นอย่างหมาะสมมากยิ่งขึ้น และตอบสนองต่อ
ความต้องการของการพัฒนาเมืองอย่างร่วมสมัย รวมถึงการรองรับการขยายตัวในการพัฒนา
เมืองในอนาคตได้
แนวคิดการนำนโยบายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะของไทยเป็นนโยบายการต่อยอดการพัฒนา
เมืองจากยุคสมัยเดิม มาสู่การขับเคลื่อนเมืองที่อยูบนฐานของการนำเทคโนโลยีสารสนเทศสมัย
ใหม่มาปรับใช้ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนในสังคมไทย ซึ่งกำลังค่อยๆ เปลี่ยนผ่านจากสังคม
เกษตรกรรมสู่สังคมแห่งความเป็นเมือง (urbanization) ซึ่งแนวคิดนี้ได้รับการขานรับที่ดีใน
ต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่ายิ่งในประเทศที่พัฒนาแล้ว จึงทำให้แนวคิดนี้มีอิทธิพลแผ่ขยายไป
ทั่วโลก รวมถึงในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทยด้วย การผลักดันเรื่องการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ
เข้าสู่การกำหนดนโยบายของรัฐบาล แม้แนวคิดดังกล่าวจะอยู่ในกระแสความสนใจมานาน เอกสารประกอบการสัมมนากลุ่มย่อยที่ 5
พอสมควร หากแต่การผลักดันให้เกิดนโยบายนี้ด้วยความเห็นพ้องต้องกันทั้งภาครัฐ