Page 71 - kpi20858
P. 71
28
เข้าสู่ยุคสมัยใหม่ ทัศนะที่มีต่อการน าเสนอสีนั้นได้เปลี่ยนไป อย่างไรก็ตามการศึกษาครั้งนี้มุ่งเน้นการ
อธิบายถึงการใช้สีแบบศิลปะตามหลักวิชา ที่ยังคงมุ่งสะท้อนภาพตามแนวคิดแบบธรรมชาตินิยมเท่านั้น
สี และแสง-เงา ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ศิลปินต่างให้ความค านึงถึง แสงและเงาในงานจิตรกรรม
เป็นแสงเงาที่มิได้เกิดขึ้นจริง เป็นเพียงการจ าลองโลกวัตถุด้วยการอาศัยคุณสมบัติค่าน ้าหนักความ
อ่อนแก่ของสี สร้างขึ้นได้ด้วยวิธีวาดระบาย ส่วนแสงและเงาที่ปรากฏในงานประติมากรรม เป็นแสง
และเงาที่เกิดขึ้นจริงบนผิววัตถุ 3 มิติ ความกว้าง ยาว และความลึก แตกต่างไปตามคุณลักษณะพิเศษ
ของ พื้นผิว มวล และปริมาตรของผลงานประติมากรรมชิ้นนั้นๆ
สี (Color) มีความสัมพันธ์กับค่าน ้าหนัก ซึ่งเป็นส่วนที่แสดงความสว่างและมืด หรือความอ่อน
แก่ของสี ผลที่ตามมาคือ ก่อให้เกิดมิติความตื้นลึก หรือระยะในผลงาน นอกจากนี้สียังก่อให้เกิดความ
แตกต่างของรูปกับพื้นอีกประการหนึ่ง
แสง (Light) เป็นพลังงานรูปหนึ่งที่รับรู้ได้ด้วยสายตา แสงช่วยให้สามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ
ตลอดจนการมองเห็นสี แหล่งก าเนิดแสงมี 2 ประเภท คือ จากธรรมชาติ เช่น ดวงอาทิตย์ ฟ้าแลบ
ฟ้าผ่า หรือสัตว์บางชนิดที่มีแสงในตัวเอง ตลอดจนแสงที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้น เช่น แสงจากเทียนไข และ
หลอดไฟฟ้า เป็นต้น
เงา (Shadow) ในงานศิลปะ มี 2 ประเภท คือ เงาที่เกิดจากการที่แสงส่องมากระทบวัตถุ แล้ว
เกิดเงาตกทอดของวัตถุทาบลงบนสิ่งแวดล้อมใกล้เคียง เรียก Cast Shadow กับเงาที่เกิดในตัววัตถุ ซึ่ง
จะมีรูปร่างคล้ายกับวัตถุนั้นๆ เรียกว่า Attached Shadows ซึ่งหมายถึงบริเวณพื้นที่ส่วนที่เป็นเงามืด
37
บนวัตถุ
ในประวัติศาสตร์สมัยคลาสสิก พลีนี ดิ เอลเดอร์ (Pliny The Elder) เป็นท่านแรกที่ได้กล่าวถึง
การวาดภาพมนุษย์และปรากฏเงาบนผนัง ต่อมา เพลโต อธิบายปรัชญาของเขาผ่านเรื่องราวของเงาใน
ถ ้า อย่างไรก็ตามการวิเคราะห์ แสงและเงาอย่างละเอียดนั้นเริ่มโดย เลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo
da Vinci) ในราวปี ค.ศ.1490 โดยอธิบายว่า ศิลปินสามารถใช้แสงและเงาเพื่อสร้างมิติภายในภาพได้
38
37 Essential vermeer, Shadow(s), accessed July,25, 2019, available from http://www.essentialvermeer.com/
glossary/glossary_q_z.html#shadow
38 Pascal Mamassian, David C. Knill and Daniel Kersten, The perception of cast shadows, accessed July,25,
2019, available from http://vision.psych.umn.edu/users/kersten/kersten-lab/papers/mamassianTICS1998.pdf