Page 141 - kpi21595
P. 141

ถ้ามาทำ ทำที่วัดมีข้าวให้กินฟรีด้วย ... ขออย่างเดียว มีคนอยากมาเรียนรู้ด้วยกันได้ ชวนชาวบ้านมาคุย เรา

               ต้องสร้างผู้นำคนรุ่นใหม่ ในข้างหน้า มาต่อจากเราอันนี้ สำคัญมาก”
                       จากข้างต้นจะเห็นได้ว่า ผู้ที่เป็นแกนนำพลเมืองนั้นส่วนใหญ่จะมีความชอบการทำงานอาสาเป็น

               พื้นฐาน ซึ่งเรื่องนี้กลุ่มตัวอย่างที่เป็นชาวบ้านในพื้นที่จะมีลักษณะเช่นนี้น้อยกว่าแกนนำพลเมือง ดังจะพบว่า

               การสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างในระดับพื้นที่นั้นส่วนใหญ่จะระบุไปในทิศทางเดียวกันว่าพวกเขาไม่มีความสนใจเข้า
               ร่วมกิจกรรมต่างๆในชุมชนมากนัก อาทิ ตัวแทนจากตำบลพนมไพร อำเภอพนมไพร ผู้หนึ่งกล่าวถึงโครงการ

               โรงเรียนพลเมืองและโครงการอื่นๆที่หน่วยงานราชการเข้ามาดำเนินการในชุมชนเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยว่า
               เขาไม่ได้เข้าร่วมเพราะไม่สนใจกิจกรรมดังกล่าว “ผมเคยได้ยิน แต่ไม่ได้เข้าร่วมเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้นำไป

               ร่วม ผมต้องทำงานเป็นภารโรงไม่ว่าง พอเวลามีงานอะไรแม่จะเป็นคนไปร่วม ส่วนตัวไม่สนใจเรื่องแบบนี้”

               ขณะที่ตัวแทนจากตำบลโพนสูงอำเภอปทุมรัตต์ผู้หนึ่งกล่าวว่า “ผมไม่ค่อยสนใจ ต่างคนต่างอยู่ ส่วนใหญ่แฟน
               ผมจะเป็นคนไปแทน เพราะผมต้องไปก่อสร้างต่างพื้นที่ แฟนผมเป็น อสม. เป็นหลายกลุ่ม เป็นกลุ่มสวัสดิการ

               อบต. สตรี กลุ่มเงินออมทรัพย์ เขาชอบไปงานแบบนี้” สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มักจะไม่ได้มี
               ความสนใจ หรือมีความชื่นชอบในการเข้าร่วมกิจกรรมอาสาสมัครมากนักหากเปรียบเทียบกับกลุ่มแกนนำ

               พลเมือง อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าคนในชุมชนจะไม่มีความชอบเรื่องงานจิตอาสาเลย ผลจากการ

               สัมภาษณ์พบว่าในชุมชนก็มีคนกลุ่มนี้อยู่เช่นกัน ดังกรณีภรรยาของตัวแทนจากอำเภอปทุมรัตต์ผู้หนึ่งที่ให้
               สัมภาษณ์แก่ผู้วิจัยไปข้างต้น หรือกรณีของตัวแทนจากตำบลโนนทัน อำเภอปทุมรัตต์ผู้หนึ่งที่กล่าวว่า “แม่

               อยากรู้ว่าเขาทำอะไร แม่ก็ไป แม่ชอบไปอบรม ...งานสังคมแบบนี้มันต้องการจิตอาสา มันก็เป็นความรัก

               ความชอบด้วยส่วนหนึ่ง” จึงกล่าวได้ว่าปัจจัยส่วนบุคคลด้านความชอบนั้นเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้
               ผู้นั้นมีความสนใจและเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมและการเมืองในชุมชน

                       นอกจากความชื่นชอบกิจกรรมอาสาสมัครต่างๆเป็นการส่วนตัวแล้ว ผลจากการศึกษายังพบอีกว่า
               ปัจจัยส่วนบุคคลอื่นๆนั้นก็เป็นเงื่อนไขที่จำกัดการความสนใจและการเข้าไปมีส่วนร่วมทางสังคมการเมืองของ

               คนในชุมชน อาทิ ปัจจัยด้านอายุ ผลจากการศึกษาพบว่าคนที่อายุมากมักจะมีปัญหาในการเดินทางและปัญหา

               สุขภาพที่ทำให้ต้องประสบความลำบากในการเดินทางและการทำกิจกรรมจึงทำให้พวกเขาต้องงดเว้นกิจกรรม
               ประเภทนี้ไป เช่น ตัวแทนจากตำบลพนมไพรผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นอดีตผู้นำท้องที่กล่าวว่า ตนเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ

               มาโดยตลอดอย่างไรก็ตามด้วยปัญหาด้านสุขภาพก็ทำให้เขาไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆได้เหมือนเดิม
               หรือกรณีของแกนนำพลเมืองจากตำบลโพนสูงผู้หนึ่งให้สัมภาษณ์ว่าเธอชอบเข้าร่วมกิจกรรม ดังนั้น หาก

               กิจกรรมจัดที่วัดซึ่งใกล้บ้าน เธอก็จะเข้าร่วมทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการประชุมประชาคมหรือกิจกรรมอื่นใด แต่

               หากกิจกรรมจัดที่อื่นที่ไกลออกไป เธอไม่สามารถเข้าร่วมได้เพราะไม่สามารถเดินทางไปได้ไม่มีพาหนะในการ
               เดินทาง “ยายก็ไม่ค่อยได้ไปไหนไม่มีรถ ถ้าเขาไม่พาไปก็ไม่ได้ไป” จึงกล่าวได้ว่า ขณะที่ ตัวแทนจาก ตำบล

               สะอาดสมบูรณ์ อำเภอเมืองร้อยเอ็ด ผู้หนึ่งซึ่งอยู่ในวัย 22 ปีระบุว่าเธอเองก็ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมเนื่องจากต้อง

               เรียนหนังสือในเมืองส่วนในการประชุมต่างๆของหมู่บ้านนั้นพ่อแม่จะเป็นคนเข้าร่วมประชุมเพราะตนไม่ว่าง
               จากผลการศึกษาจึงกล่าวได้ว่าปัจจัยด้านอายุ สุขภาพ ระยะห่างระหว่างที่พักกับพื้นที่จัดกิจกรรม การอำนวย





                                                                                                       130
   136   137   138   139   140   141   142   143   144   145   146