Page 104 - 21736_Fulltext
P. 104

83



                       ระดับชั้น ในแต่ละระดับก็จะมีมัธยมศึกษาปีที่ 1 - มัธยมศึกษาปีที่ 6 ก็จะรับทราบขั้นตอน และจะ
                       พยายามให้นักเรียนเห็นความสำคัญของการพูดคุยกันด้วยการไกล่เกลี่ยในศูนย์ โดยบอกกับนักเรียน

                       ว่า จะคุยกับพี่หรือจะคุยกับรองอรสา เด็กๆก็จะเข้าใจ  การไกล่เกลี่ยถ้าคู่กรณีตกลงกันได้ด้วยความ
                       พึงพอใจ เข้าใจกันทั้งสองฝ่ายแล้วไม่ค้างคาใจ ก็จะถูกหักคะแนนตามกฎของโรงเรียนแต่จะหักคะแนน

                       น้อยลง โดยมีการบำเพ็ญประโยชน์ตามที่ตกลงกันเองว่าจะทำอะไรเพื่อเป็นการปรับปรุงตัว (อนาวิน

                       ดอกบัว, สัมภาษณ์, 26 กรกฎาคม 2557)ขั้นตอนการไกล่เกลี่ยจะให้คู่กรณียื่นแบบคำร้องขอไกล่เกลี่ย
                       และมีสิทธิ์เลือกผู้ไกล่เกลี่ย และหากเกิดกรณีที่ร้ายแรง จะใช้ผู้ไกล่เกลี่ย 3 คนขึ้นไป


                                   ในระยะหลังนั้นการไกล่เกลี่ยในโรงเรียนเกิดการพัฒนาขึ้นทำให้กระบวนการชัดเจนขึ้น
                       และเด็กสามารถทำการไกล่เกลี่ยได้ดี  มีการพิจารณาว่าตรงกับ 7 ฐานความผิดหรือไม่ โดยทางฝ่าย

                       ปกครองไม่ต้องเข้าไปมีบทบาทอะไรมาก พอเกิดเรื่องก็จะเข้ากระบวนการไกล่เกลี่ยกันเองโดยไม่ต้อง
                       ผ่านฝ่ายปกครอง ความผิดที่สามารถไกล่เกลี่ยได้ทั้งหมด 7 ฐาน คือทะเลาะวิวาท ยืมเงินแล้วไม่คืน ไม่

                       ช่วยงานกลุ่ม แย่งโต๊ะอาหาร แล้วก็ด่าทอให้อับอาย ชู้สาว ประเด็นทะเลาะวิวาทนักเรียนเห็นว่าเป็น

                       ประเด็นสำคัญที่สุด  นอกจากความผิด 7 ฐานนี้ ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนของฝ่ายปกครอง รวมถึงเรื่องที่ไกล่
                       เกลี่ยแล้วสามารถยุติเหตุการณ์ได้ แต่ไปก่อเหตุซ้ำแบบเดิมอีก ทางศูนย์ไกล่เกลี่ยจะถือว่าเป็นโมฆะถือ

                       ว่าเราไม่เคยได้ไกล่เกลี่ยกัน ก็จะเข้าสู่ระบบของห้องปกครองตามปกติ (อนาวิน ดอกบัว, สัมภาษณ์,

                       26 กรกฎาคม 2557)   ในปัจจุบันปี 2557 มีผู้ไกล่เกลี่ยทั้งหมด 9 คน  มีเรื่องทะเลาะวิวาทน้อยมาก
                       ทำให้ไม่ผู้ไกล่เกลี่ยไม่ค่อยได้ทำหน้าที่ แต่การตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยมีประโยชน์เหมือนเป็นศูนย์ดับเพลิงที่

                       ถ้าเกิดเหตุขึ้นมาจะ ได้ทำหน้าที่ดับเพลิงได้ทันเวลา

                                   ในบทนี้เป็นการนำเสนอข้อมูลทั่วไปการไกล่เกลี่ยโดยคนกลางในสถานศึกษา ทำให้

                       ทราบถึงนโยบายในด้านการสร้างสันติวัฒนธรรมในสถานศึกษา โดยมีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29
                       พฤศจิกายน 2548 รวมถึง ข้อมูลจัดการเรียนการสอนด้านสันติศึกษาในระดับอุดมศึกษามีทั้ง

                       มหาวิทยาลัยทั้งมหาวิทยาลัยของรัฐ และมหาวิทยาลัยเอกชน แต่ถึงแม้ว่าสถาบันการศึกษาหลายแห่ง

                       จะจัดการเรียนการสอนในด้านสันติภาพ แต่เป็นการเน้นไปที่การให้ความรู้ โดยไม่ได้เน้นไปที่การไกล่
                       เกลี่ยในเชิงปฏิบัติ ในสถานศึกษาระดับอุดมศึกษามีเพียงแห่งเดียวที่มี การไกล่เกลี่ยในเชิงปฏิบัติ ส่วน

                       ระดับมัธยมศึกษามีหลายแห่ง แต่ข้อมูลการไกล่เกลี่ยในสถานศึกษาไม่ได้มีการรวบรวมไว้อย่างเป็น
                       ระบบ งานวิจัยนี้เลือกศึกษาโรงเรียนพนมสารคามฯ โรงเรียนสตรีนนทบุรีและโรงเรียนสตรีนครสวรรค์

                       เพื่อเปรียบเทียบกันระหว่างโรงเรียนต้นแบบของการไกล่เกลี่ยกับโรงเรียนที่เพิ่งเริ่มก่อตั้งเพื่อสร้าง

                       ความเป็นสถาบัน
   99   100   101   102   103   104   105   106   107   108   109