Page 107 - kpiebook62001
P. 107

ประมาณการรายรับรายจ่ายของกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมจาก ภาพที่ 4.1

               แสดงให้เห็นช่องโหว่ส าคัญเมื่อกองทุนขาดความโปร่งใส ในแง่รายรับ แม้ว่าจะเริ่มมีช่องทางในการผันเงินส่วนอื่นเป็นเงิน
               บริจาคเข้ากองทุน เช่น การให้ผู้สูงอายุที่ไม่ต้องการรับเบี้ยคนชราสละสิทธิ์ได้ แต่ที่ผ่านมายังได้รับความร่วมมือค่อนข้าง

               น้อย รายรับของกองทุนต้องพึ่งพางบประมาณประจ าปี แหล่งที่มาของเงินส าหรับการจัดท าโครงการบัตรสวัสดิการแห่ง

               รัฐยังเกี่ยวข้องกับการออกแบบนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน การส่งเสริมให้คนมีรายได้เลี้ยงดูตนเอง
               และครอบครัวได้ในระยะยาวย่อมแปรผกผันกับระดับงบประมาณที่จะต้องใช้ในการจัดสวัสดิการแบบเจาะจง การ

               วางแผนระยะยาวและการประเมินสถานการณ์เพื่อพัฒนาโครงการจึงเป็นอีกขั้นตอนที่ส าคัญที่กระทรวงการคลังจะ

               มองข้ามไม่ได้ ส่วนในด้านของรายจ่ายนั้น เงินสนับสนุนโครงการที่จัดสรรให้ผ่านหน่วยงาน มูลนิธิ และองค์กรการกุศล
               จะเปิดช่องให้เกิดคอร์รัปชันได้หากการตรวจสอบกองทุนไม่สามารถท าได้อย่างโปร่งใส นอกจากนั้น ระบบประเมิน

               กองทุนในปัจจุบันก็ยังไม่สามารถประเมินความคุ้มค่าหรือผลกระทบต่อสังคมจากการใช้จ่ายได้



               4.3 ลักษณะของโครงการและนัยทางการเมือง


                       จากที่ได้ระบุไว้ในส่วนต้นของบทนี้ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมีจุดเริ่มต้นการด าเนินงานตั้งแต่ ‘โครงการ

               ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ’ ชื่อของมาตรการหรือโครงการนั้นปรับเปลี่ยนเรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นในปี พ.ศ. 2560 ที่
               เริ่มต้นใช้บัตรก็มีการใช้เช่นชื่อต่าง ๆ เช่น ‘มาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’ สุดท้ายคือค าว่า

               ‘ประชารัฐ’ เริ่มปรากฏในโครงการดังกล่าวเมื่อมีแนวคิดในการจัดตั้ง ‘กองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐาน

               ราก’ ในช่วงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2560 จนกระทั่งตราพระราชบัญญัติการจัดประชารัฐสวัสดิการออกมาอย่างเป็น
               ทางการเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2562

                       หากสืบค้นจากมติคณะรัฐมนตรี ค าว่า ‘ประชารัฐ’ เริ่มปรากฎในช่วงปลายปี พ.ศ. 2558 ถึงต้นปี พ.ศ. 2559

               เอกสารที่พยายามอธิบายความหมายของค าว่า ประชารัฐ คือเอกสารการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 14 มกราคม พ.ศ.
               2559 เรื่อง ‘กลไกประชารัฐ’ จากส านักนายกรัฐมนตรีเพื่อชี้แจงว่ารัฐบาล คสช. ต้องการใช้กลไกประชารัฐในการ

               ขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งมีข้อความกล่าวถึงบทบาทและความเชื่อมโยงของภาคส่วนต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

                          “๑. ความเชื่อมโยงระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน/ภาคประชาสังคม โดยทั้ง ๓
                       ภาคส่วนจะสนับสนุนเชื่อมโยงการท างานระหว่างกัน

                          ๒. การขับเคลื่อนประชารัฐแบบบูรณาการ แบ่งเป็น ๓ ระดับ คือ

                          ๒.๑ ระดับนโยบาย โดยมีคณะรัฐมนตรีให้นโยบายในการขับเคลื่อน
                          ๒.๒ ระดับการขับเคลื่อน โดยมีกระทรวงและคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหาร

                       ราชการแผ่นดิน ๖ คณะ เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อน

                          ๒.๓ ระดับปฏิบัติ แบ่งเป็น ๓ กลุ่ม คือ (๑) ภาครัฐ (๒) ภาคเอกชน (๓) ภาคประชาชน/ประชา
                       สังคม



                                                               98
   102   103   104   105   106   107   108   109   110   111   112