Page 32 - kpiebook62016
P. 32
15
แต่จนกระทั่งทุกวันนี้ ความส าเร็จในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่มั่นคงไม่
ชัดเจนดังค าท านาย และเต็มไปด้วยความคลุมเครือ ความไม่แน่นอน ความไม่มั่นคง เสมือนหมอก
จางๆ ที่ท าให้การประเมินความส าเร็จของการเปลี่ยนผ่านไม่อาจหาข้อยุติได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งการ
เปลี่ยนผ่านของคลื่นประชาธิปไตยระลอกนี้ ยังไม่จบสิ้นเสร็จสมบูรณ์ ด้วยเหตุนี้ วรรณกรรมทาง
รัฐศาสตร์จ านวนมากจึงเลือกอธิบายปรากฏการณ์ “การเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย” (Democratic
transition) พอๆ กับ หรือมากกว่าที่จะเน้นความเป็นประชาธิปไตยของประเทศประชาธิปไตยใหม่ที่เพิ่ง
เริ่ม “ตั้งไข่” เหล่านี้
เพื่อปูพื้นส าหรับการศึกษานี้ ผู้เขียนได้ทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องโดยแบ่งเป็น 5 ประเด็นที่
ต่างก็มีความเชื่อมโยงกัน คือ 1) ความหมายและคุณสมบัติของประชาธิปไตย 2) เส้นทางสู่ประชาธิปไตย
3) การจรรโลงประชาธิปไตยให้มั่นคง 4) หลุมพรางของระบอบลูกผสม (Hybrid Regime) และ 5)
บทบาทของสถาบันการเมืองในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย
ในหัวข้อสุดท้ายของบทนี้ จะกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างทฤษฎี กับวิธีการศึกษา และการ
หาข้อสรุปในการศึกษา เพื่อชี้ให้เห็นว่าการทบทวนวรรณกรรมและการมีทฤษฎีเป็นแผนที่น าทาง ส่งผล
ต่อการวางกรอบการศึกษาที่รัดกุม ชัดเจน เปรียบเสมือนประทีปน าทาง ส่องสว่างไปยังการหาข้อสรุป
ของการศึกษาที่กระจ่างชัด ทั้งสามส่วนเกี่ยวข้องกันอย่างมีนัยส าคัญ
ความหมายและคุณสมบัติของประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยไม่ได้มีความหมายเดียว ทฤษฎีที่อธิบายและค าจ ากัดความมีหลากหลาย เปิด
ประเด็นให้ถกเถียงมาอย่างยาวนาน ต่อเนื่อง และยังไม่สิ้นสุดจนทุกวันนี้ ดังนั้น การจะหาฉันทามติใน
ค านิยามประชาธิปไตยว่าคืออะไร ควรเป็นอย่างไร หรือจะวัดด้วยอะไร จึงไม่อาจหาข้อยุติที่นักรัฐศาสตร์
ทุกคนจะยอมรับได้โดยง่าย
ค าว่า “ประชาธิปไตย” หรือ “Democracy” มีรากจากภาษากรีกว่า δημοκρατία
(dēmokratiā) ซึ่งมาจากค าว่า dēmos (ประชาชน) และ kratos (การปกครอง อ านาจ หรือความ
34
เข้มแข็ง) จึงแปลความหมายโดยรวมว่า การปกครองโดยประชาชน ความหมายของประชาธิปไตยที่
34
อมร รักษาสัตย์ และคณะ, ประชาธิปไตย: อุดมการณ์ หลักการ และแบบอย่างการปกครองหลายประเทศ (กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2539), หน้า 9-10.