Page 29 - kpiebook65064
P. 29
โครงการสังเคราะห์ข้อเสนอ I
เพื่อเสริมสร้างการอภิบาลระบบยา
ดังนั้น คณะผู้วิจัยเห็นว่าการกำหนดทิศทางนโยบายเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่สุดต่อการ
พัฒนาระบบอภิบาลยาของประเทศว่าจะไปในทิศทางใดได้อย่างชัดเจน เพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
ทุกฝ่ายทราบถึงทิศทางที่ควรจะเป็นในอนาคต โดยการกำหนดทิศทางของนโยบายจากคุณลักษณะ
ความพร้อม และความต้องการด้านยาของประเทศจะช่วยให้หน่วยงานหรือกระบวนการ
ที่เกี่ยวข้องภายในระบบอภิบาลยาจะต้องตอบโจทย์ขององค์กรและกระบวนการดำเนินงาน
ที่สอดคล้องกับเป้าหมายดังกล่าว ซึ่งจะนำไปสู่การกำหนดบทบาท อำนาจหน้าที่ และโครงสร้าง
ขององค์กรที่เหมาะสม ดังนั้นการกำหนดทิศทางนโยบายแห่งชาติด้านยาและทำให้หน่วยงาน
หรือกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องยึดเป็นหลักการจึงสำคัญ
ในกรณีประเทศไทย ถ้าหากการกำหนดทิศทางนโยบายแห่งชาติด้านยาควรมุ่งเน้นแบบ
ประเทศที่มีรายได้ระดับกลางที่เน้นการให้ประชาชนคนยากจนเข้าถึงยาจำเป็นที่มีราคาถูก
ขณะที่เปิดโอกาสให้คนมีรายได้สามารถเข้าถึงยาที่มีราคาสูงได้ การมีนโยบายที่สามารถควบคุมการ
ใช้จ่ายงบประมาณเพื่อให้บริการได้อย่างทั่วถึง และพัฒนาภาคอุตสาหกรรมยาสามัญในประเทศเพื่อ
ผลิตยาที่มีคุณภาพในราคาถูก อาจทำให้ประเทศไทยต้องกำหนดบทบาทและอำนาจหน้าที่ของ
หน่วยงานที่สอดคล้องกับทิศทางดังกล่าว เช่น การมีหน่วยงานที่มีอำนาจในการต่อรองราคาและ
หน่วยงานที่มีอ านาจในการต่อรองราคาและการควบคุมราคายาในกรณีของยาจ าเป็นที่มีราคาแพงควบคู่ไปกับ
การควบคุมราคายาในกรณีของยาจำเป็นที่มีราคาแพงควบคู่ไปกับการอาศัยกลไกตลาดในกรณีของ
การอาศัยกลไกตลาดในกรณีของยาที่มีผู้ผลิตมากและแข่งขันสูง หรือการออกแบบระบบประกันสุขภาพที่
ยาที่มีผู้ผลิตมากและแข่งขันสูง หรือการออกแบบระบบประกันสุขภาพที่สอดคล้องกับความต้องการ
สอดคล้องกับความต้องการของคนยากจนและคนที่มีทางเลือก หรือการออกแบบการท างานของส านักงาน
ของคนยากจนและคนที่มีทางเลือก หรือการออกแบบการทำงานของสำนักงานคณะกรรมการ
คณะกรรมการอาหารและยาที่เน้นการสนับสนุนและพัฒนาอุตสาหกรรมยาสามัญในประเทศ เป็นต้น
อาหารและยาที่เน้นการสนับสนุนและพัฒนาอุตสาหกรรมยาสามัญในประเทศ เป็นต้น
แผนภาพบทสรุปผู้บริหารที่ 2: หลักส าคัญในการวางเป้าหมายนโยบายระบบอภิบาลยา
แผนภาพบทสรุปผู้บริหารที่ 2: หลักสำคัญในการวางเป้าหมายนโยบายระบบอภิบาลยา
ที่มา: Seiter, Andreas. (2010). A practical approach to pharmaceutical policy. Washington DC:
ที่มา: Seiter, Andreas. (2010). A practical approach to pharmaceutical policy. Washington DC: World Bank, p. 2.
World Bank, p. 2.
2). การปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ และนโยบายที่เกี่ยวข้องกับยาทั้งหมดให้ทันสมัยและมีส่วนร่วม
บทสรุปผู้บริหาร
จากทุกฝ่าย สถาบันพระปกเกล้า
จากการศึกษาพบว่ากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับระบบอภิบาลยามีความเสี่ยงจากความล้าสมัยของ
กฎหมายในด้านนี้เช่น พระราชบัญญัติยาพ.ศ. 2510 ที่มีอายุการใช้งานนานถึง 47 ปี และมีข้อก าหนดเกี่ยวกับ
การขึ้นทะเบียนต ารับยาล้าสมัย เป็นต้น ซึ่งจากการสัมภาษณ์จากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนเห็นตรงกันในเรื่อง
ความล้าสมัยของพระราชบัญญัติยาพ.ศ. 2510 โดยในการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงเพื่อแก้ไขความเสี่ยงที่มีต่อ
ธรรมาภิบาลของระบบอภิบาลยาจะไม่สามารถด าเนินการปรับปรุงได้อย่างสมบูรณ์ หากไม่ได้รับการปรับปรุง
แก้ไขกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วยเพื่อให้เกิดการก ากับดูแลที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งการแก้ไข
และทบทวนกฎหมายฉบับต่าง ๆ ควรเกิดจากการมีนโยบายแห่งชาติด้านยาที่ก าหนดทิศทางระบบอภิบาลยาที่
ชัดเจน เนื่องจากกฎหมายและระเบียบจะเป็นตัวก าหนดโครงสร้าง บทบาท อ านาจหน้าที่ และแนวทางปฏิบัติ
ขององค์การและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับระบบยาว่าควรไปในทิศทางใด โดยคณะผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะ
เกี่ยวกับการปรับปรุงกฎหมายแลระเบียบให้สอดคล้องกับหลักนิติรัฐ (Rule of Law) ดังนี้
- ควรก าหนดกรอบเวลาการทบทวนกฎหมายและระเบียบที่ชัดเจน คือ กฎหมายและระเบียบที่
เกี่ยวข้องกับยาส่วนใหญ่เป็นเรื่องทางเทคนิคและวิชาการ ดังนั้นเพื่อให้กฎหมายและระเบียบมี
บทสรุปผู้บริหาร - 11.