Page 153 - kpi15428
P. 153
ชุมชนกับสิทธิ ในทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ส่วนสภาพแวดล้อมทางการเมืองที่สำคัญ คือ องค์กรในการบริหาร
จัดการน้ำของประเทศไทย ก่อนการปฏิรูประบบราชการ พ.ศ.2545
มีหน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำกว่า
40 หน่วยงานใน 9 กระทรวง แม้หลังจากการปฏิรูประบบราชการแล้ว
จนกระทั่งมีการออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการ
ทรัพยากรน้ำแห่งชาติเพื่อทำหน้าที่ประสานงานและเสนอแนะนโยบายให้แก่
หน่วยงานที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรน้ำ แต่การบริหารจัดการน้ำยังคง
มีหลายหน่วยงานของรัฐต่างทำหน้าที่ของหน่วยงานตนกระจัดกระจายไป
ตามกฎหมายที่หน่วยงานนั้นถืออยู่ แม้ล่าสุดได้มีความพยายามผลัดกันให้
เกิดการออกพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำโดย กรมทรัพยากรน้ำมอบหมาย
ให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นที่ปรึกษาโครงการปรับปรุงกฎหมาย
ที่เกี่ยวกับทรัพยากรน้ำและจัดทำร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ โดยใช้
กระบวนการมีส่วนร่วมโดยการรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนก่อน
การร่างกฎหมาย และหลังจากร่างกฎหมายแล้ว เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำ
เกิดการบูรณาการมากขึ้น แต่กฎหมายดังกล่าวก็ยังมีแนวโน้มให้อำนาจ
เด็ดขาดแก่รัฐในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ตั้งแต่การพัฒนาแหล่ง
กักเก็บ การผันน้ำ และการทำลายสิ่งกีดขวางเมื่อเกิดน้ำท่วม เพิ่มภาระ
ทางการเงินให้กับผู้ใช้น้ำ และไม่ได้แก้ปัญหาการบริหารจัดการน้ำใน
ภาพรวมเพราะเป็นเพียงการเพิ่มอำนาจให้กับกรมทรัพยากรน้ำ (ธีรพัฒน์
อังศุชวาล, 2555) นอกจากนี้ สถานการณ์การเมืองระดับประเทศของไทย
ยังมีลักษณะไม่เสถียรและแบ่งฝักแบ่งฝ่ายสูง ทำให้เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว
ก็เกิดการเป็นผลให้กระทบต่อการบริหารราชการ การแต่งตั้งโยกย้าย
ข้าราชการซึ่งย่อมกระทบต่อการดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบริหาร
จัดการทรัพยากรน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การบริหารทรัพยากรน้ำที่ยึดโยง
กับสิทธิชุมชนต้องอาศัยการยึดโยงและเข้าถึงพื้นที่สูง
1