Page 147 - kpi15476
P. 147

14      การประชุมวิชาการ
                   สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15


                       แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่า  ทอมสันจะกำหนดช่วงเวลาของการเกิดและสิ้นสุดการปฏิวัติฝรั่งเศส
                  แตกต่างไปจากทั่วไปที่นับระหว่าง ค.ศ. 1789-1799 โดยทอมสันอาจจะนับตั้งแต่ ค.ศ. 1789 เลย

                  ไปถึงการปฏิวัติในฝรั่งเศสที่ตามมาอีกสองครั้ง นั่นคือ การปฏิวัติในปี ค.ศ. 1830 และปี ค.ศ.
                  1848 ซึ่งหลังจากนั้น หมุดหมายของความเป็น “ฝรั่งเศสยุคใหม่” (modern France) ของระบอบ
                                                                            28
                  การเมืองการปกครองจึงจะได้เริ่มก่อตัวอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม

                       อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะมีผู้ปกครองหรือองค์พระมหากษัตริย์ยุโรปที่เป็น “enlightened

                  despot” จริงๆ หรือไม่ อย่างไรก็ตาม แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้คือ แนวความคิดความเชื่อใน
                  “enlightened despot” นี้มีอยู่จริง และน่าจะมีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์การเมืองยุโรปในช่วง
                  เวลาดังกล่าว โดยเฉพาะในช่วงศตวรรษที่สิบแปด มิฉะนั้นแล้ว  ทอมสันคงไม่อุทิศบทที่ 20

                  เขียนเรื่อง “Enlightened Despotism” ทอมสันเป็นอาจารย์ทางด้านประวัติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย
                  ออกซฟอร์ด และหนังสือ Lectures on Foreign History: 1494-1789 นี้เกิดจากการเรียบเรียง

                  คำบรรยายที่เขาใช้สอนนักศึกษาปีที่หนึ่งของวิทยาลัยม็อดเลน (Magdalen College) ของ
                  มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ในระหว่างปี ค.ศ. 1921-1924 ซึ่งตัวเขาเองก็สังกัดที่วิทยาลัยนี้ด้วย
                  เขาเป็นนักวิชาการสาขาประวัติศาสตร์ และได้รับการยอมรับนับถือว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ความ

                  เชี่ยวชาญเฉพาะทาง นั่นคือ ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ (Modern History) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง
                  การปฏิวัติฝรั่งเศส 29


                       ประวัติศาสตร์นิพนธ์ในความคิดของทอมสันเป็นแนวที่ให้ความสำคัญกับบุคคล เพราะ
                  ในสมัยที่ Thompson กำลังสอนหนังสืออยู่นั้น ได้เกิดแนวโน้มที่ถือว่าประวัติศาสตร์เป็นสาขาหนึ่ง

                  ของสังคมศาสตร์ ที่เน้นหนักไปในเรื่องการเสาะแสวงหาข้อมูลต่างๆ เพื่อวาดสภาพทางสังคม
                  เศรษฐกิจ และการเมืองของแต่ละยุคแต่ละสมัย แต่สำหรับทอมสัน แม้ว่าเขาจะไม่ได้ละเลยถึง

                  ความสำคัญของสภาพสังคมเศรษฐกิจการเมือง แต่เขามีความนิยมที่จะเขียนในเชิงที่ให้
                  ความสำคัญกับตัวคนมากกว่า เพราะเขา “เป็นนักประวัติศาสตร์ในสกุลแนวความคิดที่ถือว่า
                  วิชาประวัติศาสตร์เป็นแขนงหนึ่งของมนุษยศาสตร์ เพราะเป็นวิชาที่ว่าด้วยพฤติกรรมของมนุษย์

                  ซึ่งมิอาจจะศึกษาได้จากการเก็บข้อมูลหรือการศึกษาในเชิงวิทยาศาสตร์ตามแนวของวิชา
                  สังคมศาสตร์แต่อย่างเดียวเท่านั้น”  ดังนั้น แนวการศึกษาประวัติศาสตร์ของทอมสัน “จึงให้
                                                   30
                  ความสำคัญกับบทบาทของบุคคลบางคนมากกว่าที่มักจะปรากฎในหนังสือทางประวัติศาสตร์
                                  31
                  ที่เขียนในปัจจุบัน”

                       ฉะนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับนักประวัติศาสตร์อย่างทอมสันผู้ซึ่งให้ความสำคัญกับ
                  ตัวคนในฐานะที่มีบทบาทสำคัญต่อเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่จะกำหนดหัวข้อในบทต่างๆ ของ

                  เขาภายใต้ตัวบุคคล และในบทต่างๆ ทั้งหมด 22 บท ก็มีถึง 9 บทที่เขียนถึงตัวบุคคล เช่น
        เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย            28   http://en.wikipedia.org/wiki/French_Revolution
                  พระเจ้าเฮนรี่แห่งนาวาร์ (บทที่ 9) ริเชอลิเออ (บทที่ 11) ปฐมวัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 (บทที่




                        ประวัติศาสตร์ยุโรป ค.ศ. 1494-ค.ศ. 1789, อ้างแล้ว,  “คำนำของผู้แปล”.
                    29
                    30
                        ประวัติศาสตร์ยุโรป ค.ศ. 1494-ค.ศ. 1789, เพิ่งอ้าง.
                        ประวัติศาสตร์ยุโรป ค.ศ. 1494-ค.ศ. 1789, เพิ่งอ้าง.
                     31
   142   143   144   145   146   147   148   149   150   151   152