Page 204 - kpi15476
P. 204
การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15 203
philosophic life) นักปรัชญาจึงควรได้รับการถือให้เป็นแบบอย่างสำหรับรัฐบุรุษ นักปกครอง
และนักนิติบัญญัติในการสร้างรัฐในอุดมคติหรืออุตมรัฐนั่นเอง (ชุมพร สังขปรีชา, 2529, น.25)
ความแตกต่างและความเหมือนของ 2 แนวคิดที่ว่าด้วย
คุณลักษณะนักปกครอง
หลังจากที่ได้ชี้ให้เห็นถึงรายละเอียดของแนวคิดเกี่ยวกับธรรมราชาและราชาปราชญ์ไปใน
เบื้องต้นแล้วนั้น จะเห็นได้ว่าแนวคิดทั้งสองก็ต่างมีรายละเอียดที่ค่อนข้างสลับซับซ้อน และด้วย
สาเหตุที่แนวคิดทั้งสองเกิดขึ้นในคนละบริบทของสังคม จึงปฏิเสธไม่ได้ที่จะมีความแตกต่างกัน
อย่างไรก็ตาม ในบางแง่มุม แนวคิดทั้งสองก็ยังมีส่วนที่เหมือนกันอยู่ด้วย ดังนั้น ในที่นี้จึงทำการ
แจกแจงให้เห็นทั้งความแตกต่างและความเหมือนที่มีอยู่ในแนวคิดทั้งสอง สำหรับความแตกต่างมี
อยู่ด้วยกัน 5 ประการ คือ
ประการแรก แนวคิดธรรมราชาเป็นแนวคิดที่มีต้นกำเนิดมาจากศาสนา ส่วนแนวคิด
ราชาปราชญ์มีต้นกำเนิดมาจากนักคิดทางโลก กล่าวคือ แนวคิดธรรมราชานั้นมีต้นกำเนิดมาจาก
ศาสนาพุทธและศาสนาพราหมณ์ที่ต่างก็มีการบรรยายเรื่องราวเกี่ยวกับธรรมราชาไว้ในคัมภีร์ทาง
ศาสนา ตลอดจนคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง ส่วนแนวคิดราชาปราชญ์เป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นจากนักปรัชญา
ทางโลกที่ต้องการจะสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับรัฐของตนเอง แม้ว่าแนวคิดธรรมราชก็เป็น
แนวคิดที่มีจุดมุ่งหมายเช่นเดียวกับแนวคิดราชาปราชญ์ แต่จะเห็นได้ว่า แนวคิดธรรมราชานั้น
จะอิงอยู่กับเรื่องทางศาสนาค่อนข้างมาก เช่น สิ่งที่พระกฤษณะตรัสไว้ ซึ่งปรากฏในคัมภีร์ภควคี
ตา หรือสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้เกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตที่พระองค์ระลึกได้ ส่วนแนวคิดราชา
ปราชญ์ของเพลโตนั้น จะเห็นได้ว่า เป็นเรื่องความคิดของบุคคลล้วนๆ มิได้นำเรื่องศาสนาเข้ามา
อ้างอิงด้วยอย่างชัดเจนเหมือนแนวคิดธรรมราชา การให้เหตุผลต่างๆ เกี่ยวกับคุณสมบัติของ
นักปกครองก็จะเป็นไปในลักษณะของการใช้หลักเหตุผลและตรรกะในการอธิบาย มิได้มีการยก
เรื่องราวทางศาสนามาอ้างอิง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
ประการที่สอง แนวคิดธรรมราชามีการอธิบายโดยยกเรื่องราวที่เป็นอำนาจเหนือธรรมชาติ
เข้ามาด้วย ส่วนแนวคิดราชาปราชญ์เป็นการอธิบายด้วยเหตุผลของการกระทำในปัจจุบันล้วนๆ
ซึ่งกรณีดังกล่าว จะเห็นได้จากการที่บางครั้ง บุคคลผู้ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นธรรมราชานั้น
มักถูกนำไปยึดโยงกับสิ่งที่ไม่สามารถใช้เหตุผลทางโลกอธิบายได้ เช่น การที่มีผู้ทำนายว่าต่อไป
บุคคลนั้นบุคคลนี้จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ โดยพระเจ้าจักรพรรดินั้นก็คือธรรมราชาในคติทาง
ศาสนาพุทธนั่นเอง และพระเจ้าจักรพรรดินี้เองก็จะเป็นผู้ที่มีของวิเศษประจำตัว 7 ประการ ได้แก่
ช้างแก้ว ม้าแก้ว นางแก้ว จักรแก้ว มณีแก้ว ขุนคลังแก้ว และขุนพลแก้ว สำหรับของวิเศษเหล่านี้
ล้วนเป็นสิ่งที่บังเกิดขึ้นด้วยอำนาจบารมีของพระเจ้าจักรพรรดิทั้งสิ้น เมื่อหันมามองตามความเป็น
จริงของทางโลก จะเห็นได้ว่าคุณสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิที่กล่าวมา ล้วนเป็นสิ่งที่ยังไม่มีใคร
พบเห็นได้เลย การอธิบายจึงเป็นไปในลักษณะของความเชื่อมากกว่าจะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้จริง เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย
ในขณะที่ผู้ที่มีคุณสมบัติเป็นราชาปราชญ์นั้น บุคคลทั่วไปจะสังเกตได้ง่ายกว่า เพราะเป็นแค่การ