Page 206 - kpi15476
P. 206
การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15 205
แล้วได้ 219 พรรษา” (ปรีชา ช้างขวัญยืน, 2542, น.131) ส่วนแนวคิดราชาปราชญ์นั้น จะเห็น
ได้ว่า เพลโตมิได้ยกตัวอย่างให้เห็นความเป็นราชาปราชญ์ของบุคคลใดบุคคลหนึ่งให้เห็นเป็นพิเศษ
การอธิบายเป็นแต่เพียงการชี้ให้เห็นถึงภาพของนักปกครองที่ควรจะเป็นเท่านั้น ในแง่นี้ จึงส่งผล
ให้บุคคลผู้เป็นราชาปราชญ์ยังคงมีความเป็นนามธรรมค่อนข้างมาก
หลังจากที่ได้กล่าวถึงความแตกต่างระหว่างแนวคิดธรรมราชาและแนวคิดราชาปราชญ์ไป
แล้ว ต่อมาจึงจะได้กล่าวถึงความเหมือนกันของแนวคิดทั้งสอง เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ให้เกิดขึ้น
อันจะนำไปสู่การต่อยอดในการศึกษารายละเอียดของแนวคิดทั้งสองต่อไป โดยแม้ว่า แนวคิด
ธรรมราชาและแนวคิดราชาปราชญ์จะเกิดขึ้นคนละบริบทของสังคม แต่แนวคิดทั้งสองก็ยังมีส่วนที่
เหมือนกันอยู่ด้วย ทั้งนี้อาจเป็นเพราะแนวคิดทั้งสองเป็นแนวคิดที่มุ่งค้นหาผู้ปกครองที่ดีให้กับ
สังคม อันเป็นความปรารถนาของมนุษย์ในทุกสังคม ซึ่งความเหมือนกันของแนวคิดทั้งสองมีดังนี้
แผนภาพ แสดงลักษณะความเหมือนกันของแนวคิดธรรมราชาและราชาปราชญ
แผนภาพ แสดงลักษณะความเหมือนกันของแนวคิดธรรมราชาและราชาปราชญ์
นักปกครอง-ประชาชนอยูเคียงคูกัน
นักปกครองดํารงอยูในฐานะเปนที่เคารพ
ประโยชนสุข
ธรรมราชา สวนรวม ราชาปราชญ
ความรูความสามารถของนักปกครอง
คุณงามความดีของนักปกครอง
คค วสห
จากแผนภาพ จะสังเกตเห็นวงกลมที่อยูตรงกลาง เขียนขอความวา “ประโยชนสุขสวนรวม” ซึ่งขอความ
จากแผนภาพ จะสังเกตเห็นวงกลมที่อยู่ตรงกลาง เขียนข้อความว่า “ประโยชน์สุขส่วนรวม”
ดังกลาวนับเปนความเหมือนกันของผูที่เปนธรรมราชาและราชาปราชญที่มีความชัดเจนมากที่สุด เนื่องจากแนวคิด
ซึ่งข้อความดังกล่าวนับเป็นความเหมือนกันของผู้ที่เป็นธรรมราชาและราชาปราชญ์ที่มีความชัดเจน
มากที่สุด เนื่องจากแนวคิดทั้งสองเป็นแนวคิดที่นักคิดแต่ละท่านต่างคิดขึ้นมาเพื่อหวังที่จะสร้างตัว
ทั้งสองเปนแนวคิดที่นักคิดแตละทานตางคิดขึ้นมาเพื่อหวังที่จะสรางตัวแบบของผูปกครองที่ดีใหเกิดขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อ
แบบของผู้ปกครองที่ดีให้เกิดขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างประโยชน์สุขให้กับส่วนรวม ดังนั้น ทั้งธรรมราชา
สรางประโยชนสุขใหกับสวนรวม ดังนั้น ทั้งธรรมราชาและราชาปราชญจึงตองมีจุดมุงหมายที่จะสรางประโยชน เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย
และราชาปราชญ์จึงต้องมีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างประโยชน์สุขให้กับส่วนรวมด้วย มิใช่การทำเพื่อ
สุขใหกับสวนรวมดวย มิใชการทําเพื่อตนเอง ดังจะเห็นไดจากหลักธรรมขอตางๆที่มีอยูในทศพิธราชธรรมและ
จักรวรรดิวัตรแตละขอที่มุงเนนใหผูปกครองกระทําตนใหเปนคุณประโยชนตออาณาประชาราษฎร ไมขมเหง
ประชาชนใหเกิดความเดือดรอน สวนหลักคิดของเพลโตนั้นก็จะเนนที่ความยุติธรรมของผูปกครองเชนเดียวกัน ซึ่ง
หากสังเกตใจความที่ธรรมราชาและราชาปราชญมีเหมือนกันขอดังกลาวแลว ก็จะทําใหเราสามารถสังเกตเห็นความ
เหมือนกันอีก 4 ประการไดงายขึ้น เพราะการที่ทั้งธรรมราชาและราชาปราชญจะเปนผูที่บําเพ็ญประโยชนเพื่อ
สวนรวมใหสําเร็จลุลวงไดอยางสมบูรณแบบนั้น ยอมตองอาศัยคุณสมบัติที่มีเหมือนกันทั้งสี่ประการนี้ในการชวย
ใหพระองคสามารถบรรลุเปาหมายที่ตั้งไวได โดยคุณสมบัติทั้งสี่ประการไดแก
ประการแรก นักปกครองและประชาชนเปนสิ่งที่อยูเคียงคูกัน ดังจะเห็นไดจากแนวคิดเกี่ยวกับราชา
ปราชญของเพลโต ที่ไดกลาวไววา ความยุติธรรมจะเกิดขึ้นไดก็ดวยการที่ชนชั้นทั้ง 3 สวน นั่นคือ นักปกครอง
10