Page 261 - kpi15476
P. 261
2 0 การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15
อย่างปรับสภาพให้เหมาะสมไปกับกาลสมัยไปเรื่อยๆ”
เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง ราชาธิปไตยได้สูญสลายในประเทศเนปาล เข้าใจว่าเป็นเพราะความกลัว
ภัยคุกคามจากพวกเมาอิสต์ ราชาธิบดีเลยมาถือครองอำนาจทางการเมืองด้วยพระองค์เอง
มาบัญชาการรบร่วมกับฝ่ายทหารผู้จงรักภักดี ไม่วางพระทัยฝ่ายพลเรือน นักการเมือง หรือ
ภาคประชาสังคม ดังนั้น เมื่อฝ่ายเมาอิสต์กับฝ่ายการเมืองและภาคประชาสังคมตกลงกันได้ และ
รวมตัวกันเป็นแนวร่วมต่อต้านพระองค์ แม้กองทัพเองก็ไม่อาจช่วยพระองค์รักษาราชบัลลังก์ไว้ได้
ในเรื่องการเข้ามาพัวพันทางการเมืองของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยหลังการเปลี่ยนแปลง
การปกครองปี พ.ศ. 2475 นั้น คงต้องยกประโยชน์ในข้อสงสัยซึ่งอาจเกิดขึ้นในบางครั้ง เช่นใน
กรณีกบฏบวรเดช กรณีปราบปรามนักศึกษาเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ทั้งนี้เพราะโดยรวมแล้ว
สถาบันฯพยายามที่จะอยู่ห่างจากการเข้าไปพัวพันกับการเมือง อย่างไรก็ดี ในวิกฤติความขัดแย้ง
ปัจจุบันนับแต่ พ.ศ. 2548 มีการกล่าวว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองพยายามนำสถาบันฯมาสนับ
สนุนฝ่ายตน จนเกิดเป็นการรับรู้ (perception) ของคนจำนวนมากในสังคม ดังจะเห็นได้จากสรุป
รายงานผลการดำเนินงาน “พูดจาหาทางออกประเทศไทย 108 เวที” ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการ
ประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและ
ค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) ระหว่างวันที่ 10 มิถุนายน – 28
กรกฎาคม 2556 โดยสรุปรายงานดังกล่าวได้แจงผลจากผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 58,183 คนว่า
ร้อยละ 57.1 เห็นว่า “การกล่าวอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อประโยชน์ทางการเมือง” เป็นหนึ่ง
ใน 10 ปัญหาหลักของสังคมไทย
ราชาธิปไตย: การรักษาด้วยรากฐานแห่งภูมิปัญญา
ดูเหมือนว่าภัยต่อราชาธิปไตยอาจมิได้มาแต่ความกลัวอย่างเดียว แต่อาจมาแต่ความภูมิใจ
ในความดีงามของฝ่ายตนในอดีต จึงอยากขอเสนอว่า จะเป็นประโยชน์หรือไม่หากจะได้มีการ
ศึกษาข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ โดยไม่เน้นแต่เฉพาะความดีงามหากศึกษาความไม่ดีงามเป็น
บทเรียนด้วย นอกจากนี้ยังควรศึกษาราชวงศ์อื่นๆ ที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยแห่ง
โลกาภิวัตน์ ศึกษาเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของการดำรงไว้ซึ่งราชาธิปไตยอย่างมีเหตุผล รวมทั้ง
การสร้างความกลมกลืน (harmony) ระหว่างราชาธิปไตยและประชาธิปไตยด้วย
10
ในเรื่องการปรับตัวนั้น ขออ้างสุลักษณ์อีกครั้งในเรื่องการปรับตัวของราชวงศ์อังกฤษ ดังนี้
“ทางอังกฤษ ถึงแม้พระเจ้ายอร์ชที่ 5 จะทรงรักษาสถานะของพระราชาธิบดีไว้ ก็ทรงยอมผ่อน
ปรนจนอังกฤษเป็นประชาธิปไตยไปยิ่งขึ้นเรื่อยๆ กล่าวคือพระมหากษัตริย์เพียงรักษาสถาบันของ
เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย กันไปเอง โดยไม่ทรงขัดกับบุคคลพวกนั้นในเชิงรัฐประศาสโนบายเอาเลย ... หากทรงขัดขืน
พระองค์ ผ่านสถาบันครอบครัวของพระองค์นั้นแลเป็นสำคัญ นอกเหนือจากนั้น นักการเมืองว่า
นักการเมืองไว้แต่ในทางจริยธรรมและราชประเพณีเท่านั้น”
10
ส.ศิวรักษ์; เพิ่งอ้าง น.31