Page 275 - kpi15476
P. 275
2 4 การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15
ห้องที่ 2 ที่สถาบันพระปกเกล้าได้กำหนดสาระสำคัญ 3 ประการดังกล่าวมาแล้ว ในหัวข้อที่ 5
คือ บทสรุปและส่งท้าย
2. การสำรวจเชิงประวัติศาสตร์นิพนธ์: เห็นแต่ผู้นำ แต่ไม่เห็น
กลุ่มการเมือง
งานวิจัยหรือการศึกษาให้คำอธิบายเกี่ยวกับสมัย 2475 และการเมืองหลังสมัย 2475
โดยเฉพาะในสมัยรัชกาลที่ 7 จากการสำรวจงานเขียนหลักๆ อย่างหยาบๆ จำนวนมากกว่า
160 ชิ้น (รวมงานในลักษณะต่างๆ คือ ตำราเรียน หนังสือ/งานวิจัย วิทยานิพนธ์ระดับปริญญา
โทและเอก และบทความวิชาการและสารคดีจากภาษาไทยและอังกฤษ) พบข้อเด่นประการหนึ่ง
คือ ในจำนวนนี้แม้จะมีข้อเสนอปลีกย่อมแตกต่างกันอย่างหลากหลาย แต่มีแนวการอธิบายเพียง
2 แนวใหญ่ๆ คือสำนักนิยมคณะราษฎรและสำนักสนับสนุนรัชกาลที่ 7 ซึ่งแน่นอนว่าการอธิบาย
ของ 2 สำนักคิดนี้มีลักษณะตรงกันข้ามในเรื่องหลักๆ ทั้งในเรื่องการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
พ.ศ. 2475 แนวคิดประชาธิปไตย การจัดวางกติกาทางการเมืองหรือรัฐธรรมนูญ ความขัดแย้ง
และการประนีประนอมหลัง 2475 ฯลฯ ตัวอย่างของการอธิบาย 2 แบบนี้ ดังเช่น งานของสำนักคิด
ศ. ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และสำนักคิด ศ. ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช
อย่างไรก็ตาม ในการอธิบายของทั้ง 2 สำนักคิดนี้ต่างมีจุดอ่อนในเรื่องหลักๆ เหมือนกัน
คืองานส่วนใหญ่มักการเสนอภาพความขัดแย้งและการต่อสู้ทางการเมืองจากตัวบุคคลมากกว่า
กลุ่ม (ยกเว้นส่วนน้อย เช่นงานของ ศ. ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ 2535 และงานใหม่ๆ เช่น
งานของ ดร.ณัฐพล ใจจริง 2556) ดังจะเห็นได้ว่า ในบริบทของความขัดแย้งและการต่อสู้
ทางการเมืองในช่วงสมัยรัชกาลที่ 7 เรามักจะพบเห็นแต่เฉพาะบทบาทและอิทธิพลของผู้นำเพียง
ไม่กี่ท่าน คือ รัชกาลที่ 7 และผู้นำฝ่ายคณะราษฎร เช่น พระยาพหลพลพยุหเสนา นายปรีดี
พนมยงค์ และจอมพลป. พิบูลสงคราม เป็นผู้ตัดสินใจหรือควบคุมทิศทางของการเมืองในแนวที่
ต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ความรุนแรงและหรือสันติวิธี กล่าวอีกทางหนึ่งคือ การจะเลือกใช้
กำลังหรือแนวทางประนีประนอมในกรณีเกิดความขัดแย้งต่างๆ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้นำ
เป็นสำคัญ และอาจหมายความต่อไปได้ว่า ความล้มเหลวของแนวทางสันติวิธีตามวิถีการต่อสู้ใน
ระบอบประชาธิปไตยที่เริ่มก่อตัวขึ้น ถือเป็นความล้มเหลวในการจัดการกับปัญหาความขัดแย้ง
ทางการเมืองของผู้นำ คือ รัชกาลที่ 7 และผู้นำฝ่ายคณะราษฎรโดยตรง ซึ่งน่าจะไม่เป็นธรรมกับ
ท่านผู้นำทั้งหลาย
อันที่จริงแล้ว บทความนี้มิได้ปฏิเสธความสำคัญของท่านผู้นำเหล่านี้ และมิได้ปฎิเสธความ
เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย เพียงการอธิบายภาพระดับบนผิวน้ำเท่านั้น มิใช่ส่วนลึกหรือรากของปัญหาการเมือง โดยเฉพาะ
เป็นผู้นำกับพลวัตรของการเมืองไทย แต่คำอธิบายในลักษณะเช่นนี้ยังไม่พอต่อการสร้างความ
เข้าใจในปัญหาความขัดแย้งและการต่อสู้ทางการเมืองที่มักจบลงด้วยการใช้กำลัง เนื่องจากเป็น
ประเด็นสำคัญคือ ทำไมเมื่อเกิดปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง จึงมักจบลงด้วยความรุนแรง
ทั้งๆ ที่ผู้นำแต่ละฝ่ายต่างพยายามประนีประนอม การค้นหาคำตอบของประเด็นนี้แน่นอนว่า