Page 345 - kpi15476
P. 345
344 การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15
การที่ข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นต้องรับผิดชอบและสนองตอบต่อฝ่ายการเมืองของ
ท้องถิ่นเป็นอันดับแรก อาจไม่ใช่ความเสียหายอะไรร้ายแรง หากว่าผู้บริหารซึ่งเป็นฝ่ายการเมือง
ของท้องถิ่นแห่งนั้นๆยึดมั่นในหลักประชาธิปไตยและธรรมาภิบาล เพราะที่สุดแล้วฝ่ายการเมือง
ของท้องถิ่นก็จะต้องรับผิดชอบต่อประชาชนในท้องถิ่นอยู่ดี ดังนั้น ข้าราชการส่วนท้องถิ่นที่ทำงาน
สนองฝ่ายการเมือง ก็เท่ากับว่าต้องทำงานโดยรับผิดชอบและสนองตอบต่อความต้องการของ
ประชาชนในท้องถิ่นโดยอ้อม แต่ในทางกลับกัน หากผู้บริหารที่เป็นฝ่ายการเมืองของท้องถิ่น
ไม่สนใจหลักการพื้นฐานของประชาธิปไตยหรือธรรมาภิบาลของท้องถิ่น และบริหารองค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่นโดยเล็งเห็นแต่เพียงประโยชน์เฉพาะตน เฉพาะกลุ่มด้วยแล้ว ฝ่ายข้าราชการ
ประจำก็จะกลายเป็นมือไม้ที่คอยอำนาวยความสะดวกให้กับฝ่ายการเมืองของท้องถิ่นในการ
แสวงหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง และพวกพ้องเท่านั้น ซึ่งปรากฏการณ์อย่างหลังนี้เอง ที่ถือเป็น
เรื่องอันตรายต่อระบบราชการและการเมืองโดยรวม
ความเหมาะสมและศักยภาพของกลไกในการเสริมสร้าง
ธรรมาภิบาล
ดังที่ได้กล่าวมาตั้งแต่ต้นแล้วว่ากระแสของการปฏิรูปการเมืองในช่วงหลังปี พ.ศ. 2535
รวมถึงรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 นับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของความ
พยายามเสริมสร้างธรรมาภิบาลทางด้านการเมืองและการบริหารให้เกิดขึ้นในประเทศไทย เราจะ
เห็นได้ว่าในช่วงระยะเวลาดังกล่าวได้เกิดความพยายามในการสร้างกลไกหรือสถาปนาองค์กร
ใหม่ๆขึ้นหลายองค์กรเพื่อให้กลไกและองค์กรเหล่านั้นช่วยสร้างหลักประกันหรือเป็นตัวเร่งให้เกิด
ธรรมาภิบาลทางด้านการเมืองและการบริหาร
หากพิจารณาถึงกลไกและองค์กรต่างๆที่กล่าวถึง เราจะเห็นได้ว่าในช่วงเวลาดังกล่าวได้มี
ความพยายามในการผ่านกฎหมายที่สำคัญอย่างน้อย 3 ฉบับ ที่มีจุดมุ่งหมายในการช่วยทำให้
กลไกของรัฐรวมถึงระบบราชการมีลักษณะเปิดเผย โปร่งใส และรับผิดชอบมากขึ้น กฎหมาย
ที่สำคัญทั้ง 3 ฉบับนั้น ก็คือ พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 พระราช-
บัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 และพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของ
ราชการ พ.ศ. 2540 นอกจากกฎหมายสำคัญทั้ง 3 ฉบับแล้ว บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทยยังได้มีส่วนในการสถาปนาองค์กรอิสระอีกจำนวนหนึ่งขึ้น เพื่อทำหน้าที่ในการ
กำกับและตรวจสอบการใช้อำนาจของกลไกรัฐ ไม่ว่าจะเป็น ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรง
ตำแหน่งทางการเมือง ศาลปกครอง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้ตรวจการแผ่นดินแห่ง
เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย เฉพาะรวมถึงระเบียบหลักเกณฑ์ต่างๆของตนเองในการทำหน้าที่ นอกจากนั้น รัฐธรรมนูญฉบับ
รัฐสภา (วสันต์ เหลืองประภัสร์ 2556 : 205-210) ซึ่งองค์กรอิสระเหล่านี้ ก็จะมีกฎหมาย
เดียวกันนี้ยังช่วยสร้างกลไกอื่นๆเพื่อช่วยในการสร้างหลักประกันด้านธรรมาภิบาลอีก เช่น กลไก
การถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง การให้ประชาชนสามารถริเริ่มเสนอกฎหมาย เป็นต้น