Page 401 - kpi15476
P. 401
400 การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15
แก้ไขสนธิสัญญาไมตรีกับประเทศต่างบนพื้นฐานของความเท่าเทียมกันแล้วก็จะนำไปสู่ความ
สัมพันธ์ที่ยั่งยืนในอนาคต ทรงรับรองพระราชอาคันตุกะ เช่น สมเด็จพระยุพราชจากเดนมารก
ระพินทร์นาถ ฐากูร มหาราชาแห่งรัฐคะปุตะละ และผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ เช่น
คณะกรรมการนานาชาติ เรื่องฝิ่นที่มาเยือนสยามด้วยพระราชอัธยาศัยไมตรีที่ดี
4.1 การเสด็จพระราชดำเนินประเทศเพื่อนบ้าน (กลุ่มประเทศอาเซียนใน
ปัจจุบัน)
4.1.1 การเสด็จพระราชดำเนินสิงคโปร์ ชวา และบาหลี ในกรกฎาคม 1929 ได้เสด็จ
พระราชดำเนินประเทศสิงคโปร์ ชวาและบาหลีซึ่งขณะนั้นอยู่ในปกครองของอังกฤษ
และดัชท์ตามลำดับ ในการนี้ได้ทรงเชื่อมความสัมพันธ์ทั้งกับตัวแทนรัฐบาลอังกฤษและ
ดัชท์ ซึ่งไทยได้แก้ไขสนธิสัญญาไมตรีด้วยแล้ว และทั้งกับหัวหน้าชุมชนเจ้าของประเทศ
เดิมในท้องถิ่นที่เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมด้วยทรงสนพระทัยดูงานทั้งในด้านการ
จัดการปกครองแบบสมัยใหม่ของตะวันตก และดูงานสถาบันพัฒนาพื้นฐานทางสังคม
แบบตะวันตก เช่นโรงพยาบาล มหาวิทยาลัยทางการแพทย์ กิจการกองทัพเรือ
โครงการเกษตรและประมง และทั้งการเสด็จทรงสำรวจภูมิประเทศ และเยี่ยมชม
โบราณสถานสำคัญทางวัฒนธรรมในชวาและบาหลี ซึ่งปัจจุบันได้รับย่องย่องเป็นมรดก
โลกของยูเนสโกแล้ว
ในการเสด็จพระราชดำเนินดังกล่าว ได้ทรงสร้างผลงานที่เป็นมรดกความทรงจำที่สำคัญ
คือ ได้ทรงถ่ายภาพนิ่งขาวดำ และภาพยนตร์ ไว้ตลอดเส้นทางทั้งที่ทรงถ่ายเองและเป็น
ฝีมือของคณะผู้ติดตาม ภาพเหล่านี้มีความสำคัญเนื่องจากสะท้อนวิถีชีวิต และสภาพ
ภูมิประเทศและโบราณสถานเมื่อปี ค.ศ. 1929 ซึ่งบัดนี้ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก
4.1.2. การเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศอินโดจีนของฝรั่งเศส ในเดือน พฤษภาคม -
มิถุนายน 1930 ประเทศอินโดจีนในความคุ้มครองของฝรั่งเศสนั้น นับเป็นหนามยอก
ของสยามมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แต่หลังจากที่ไทยได้เข้าร่วมสงครามกับอังกฤษและ
ฝรั่งเศสและได้เจรจาแก้ไขสัญญาไมตรีที่ทำไว้อย่างไม่เป็นธรรมได้แล้ว ทรงเห็นว่า
ควรจะเสด็จเยือนอินโดจีนเพื่อกระชับความสัมพันธ์กับตัวแทนอาณานิคมฝรั่งเศสในอิน
โดจีนในยุคใหม่ และเพื่อเยี่ยมเยียนหัวเมืองต่างๆและพบปะผู้คนของเวียดนาม และ
กัมพูชาด้วย อย่างไรก็ตามในยุคนั้น ก็มีกลุ่มรักชาติญวนดำเนินการใต้ดินและก่อการ
วินาศกรรมอยู่เนืองๆ การเสด็จพระราชดำเนินจึงมีอุปสรรคอยู่บ้างแต่พระบาทสมเด็จ
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวก็มิได้ทรงวิตกกังวลมากนัก
เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย ในการนี้ทรงเยี่ยมสถานที่สำคัญในนครไซ่ง่อน เช่น สถาบันปาสเตอร์ วิทยาลัยศิลปะ
พิพิธภัณฑ์ วัดญวน สวนพฤกษ์ศาสตร์ สวนสัตว์ โรงพยาบาล ตลาด โรงเรียนจีน-
ฝรั่งเศส และยังทรงจัดการแข่งขันฟุตบอลเชื่อมสัมพันธ์ไทย- เวียดนามอีกด้วย แล้ว
เสด็จต่อไปยังนครเว้ เมืองนาตรัง และเมืองดาลัตบนภูเขา โดยได้เสด็จไปพระราชวัง
พระจักรพรรดิที่นครเว้ แต่พระจักรพรรดิเบาได๋ได้ถูกส่งไปเลี้ยงดูอบรมที่ฝรั่งเศสแล้ว