Page 407 - kpi15476
P. 407

40      การประชุมวิชาการ
                   สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15


                  หลังสงครามสงบลง ก็เกิดปัญหาเศรษฐกิจ จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสังคมด้วยวิธีการใช้ความ
                  รุนแรง


                       พระองค์เองก็ได้รับการวางแนวทางการศึกษาในวิชาการทหาร ทรงสนพระทัยติดตามการทำ
                  สงครามและการใช้กำลังเพื่อก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในหลายๆ ประเทศ แต่ก็ทรง

                  มองเห็นอยู่ตลอดว่าผลของสงครามและการใช้ความรุนแรงนั้นทำให้ผู้คนเสียชีวิตจำนวนมาก เกิด
                  เศรษฐกิจตกต่ำและเกิดความระส่ำระสายยาวนานไปทั่ว จึงทรงพยายามที่จะวางแผนการแก้

                  ปัญหาต่างๆ ก่อนที่ปัญหาจะก่อตัวขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งมีหลายคนได้วิเคราะห์ไว้ว่า โดย
                  พื้นฐานพระราชนิสัย ทรงรักความสงบ ไม่โปรดการใช้ชีวิตที่ฟุ่มเฟือยหรูหรา และทรงยอม
                  เสียสละเพื่อลดความขัดแย้งในหลายๆ เรื่อง


                       เหตุการณ์ในจีนในปี ค.ศ.1911-12 ทำให้พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ทรงวิตกกังวลอยู่ไม่น้อย

                  เนื่องจากจีนเป็นประเทศใหญ่อยู่ใกล้สยามและมีอิทธิพลในด้านประชากรต่อสยามมากที่สุดใน
                  ขณะนั้น ประชาชนชาวจีนได้พากันอพยพหนีความรุนแรงของภัยสงคราม ภัยธรรมชาติและความ
                  ยากจนเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในจังหวัดต่างๆในประเทศไทยเป็นระลอกๆ หลายระลอกใน

                  อดีต


                       การปฏิวัติปี ค.ศ. 1911 นำโดยกลุ่ม ดร.ซุนยัตเซ็น หัวหน้ากลุ่มก๊กมินตั่งหรือกลุ่ม
                  ประชาธิปไตยชาตินิยม จนสามารถโคนล้มราชวงศ์ชิงที่มีอำนาจมากปกครองจีนมายาวนานได้
                  สำเร็จ แต่หลังปี 1911-12 แล้ว ก็เกิดความยุ่งยากติดตามมาในประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง เกิด

                  แตกแยกกันเองในกลุ่มรักชาติประชาธิปไตยปีกซ้ายและปีกขวา ทำให้เหมาเจอตุงก่อตั้งพรรค
                  คอมมิวนิสต์จีนขึ้นในปี 1920 และแยกตัวออกมามาในปี 1927 หลังจากนั้นก็เกิด

                  สงครามกลางเมืองยาวนานจนถึงปี ค.ศ. 1937


                       เหตุการณ์ในจีนนั้นทำให้มีคนอพยพเข้ามาจำนวนมาก การอพยพในช่วงนั้นของคนจีนที่เข้า
                  มาในจังหวัดต่างๆ ของไทยนั้นมีตัวเลขแสดงจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ เฉพาะในช่วง
                  ทศวรรษ 1920 นั้นมีคนจีนอพยพเข้ามาในสยามจำนวนมากขึ้นเป็นประวัติการณ์ ซึ่งอาจมี

                  บางพวกบางกลุ่มยังผูกพันกับกลุ่มการเมืองในประเทศจีนอยู่ ในพระราชดำรัสต่อชุมชนชาวจีน
                  ในหลายจังหวัดจึงมีข้อความชมเชยคนจีนที่เข้ามาอาศัยอยู่ในสยามมาก่อนนานๆ และได้ทำ

                  คุณประโยชน์หลายด้าน ทรงขอให้รักษาความดีที่บรรพบุรุษชาวจีนที่อพยพเข้ามาแต่ก่อนได้
                  กระทำไว้ นอกจากนี้ก็ยังทรงห่วงใยคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนจีนด้วย


                       นอกจากนี้ ในช่วงเดียวกันนั้น ก็มีคนต่างชาติต่างศาสนาเข้ามาทำการค้าและทำงานหลากหลาย
        เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย   เสรีภาพในการนับถือศาสนาที่เป็นประเพณีมาแต่โบราณ ขณะเดียวกัน ทรงเน้นย้ำในเรื่องการอยู่
                  อาชีพในประเทศไทยมากขึ้น เกิดมีหนังสือพิมพ์ภาษาต่างๆ สถานที่ทางศาสนาต่างๆ โรงเรียน
                  สอนภาษาต่างๆ มากขึ้น พระบาทสมเด็จปกเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ได้ดำเนินตามพระราโชบายเรื่อง



                  ร่วมกันโดยขันติและสันติ ดังจะเห็นได้จากในพระราชดำรัสหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายที่พระราชทาน

                  ต่อชุมนุมลูกเสือที่จังหวัดนครปฐมเมื่อเดือนมิถุนายน 1932 (อาจจะนับว่าเป็นพระราชดำรัส
                  สาธารณะครั้งสุดท้ายก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง) ก็ได้ทรงเน้นย้ำให้ลูกเสือยึดมั่นในการรัก
   402   403   404   405   406   407   408   409   410   411   412