Page 444 - kpi15476
P. 444

การประชุมวิชาการ
                                                                                          สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15   443


                            อย่างไรก็ดี เนื้อร้องลำตัดหลายบทก็แฝงนัยวิพากษ์วิจารณ์ ตำหนิ เสียดสี ล้อเลียน แกม
                      ประชดประชัน “เจ้า” ดังเนื้อร้องลำตัดบทต่างๆ ดังต่อไปนี้


                            เนื้อร้องบทที่ 8 นายเสือเตี้ยป่าวร้องว่า วาจาและพฤติกรรมของหม่อมเจ้าอิทธิเทพสรรค์
                      กฤดากรเป็นการแสดงอำนาจบาตรใหญ่และขัดขวางการใช้บริการรถไฟของนายจงใจภักดิ์ ดังนี้

                      “เจ้าก้านกระทิง-ชะโอ้-เจ้ากิ่งอบเชย มีเสียงร้องฮะเฮ้ยใครวะเหวยอวดดี อุบ๊ะกีดขวางทางน่าต่าง
                      เกะกะ ทางประตูซีวะชิชะอ้ายหมอนี่ แล้วเอื้อมพระหัตถ์มาปัดมือนายจงฯ ห้ามมิให้ขนส่งแย่งขน

                      ลงเร็วรี่” ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว การขนส่งของขึ้น-ลงทางหน้าต่างในเวลาที่รถกำลังจะเคลื่อนออกจาก
                      สถานี ถือเป็นเรื่องปกติของผู้อยู่ใกล้ซึ่งหากไม่ถือยศศักดิ์มากเกินไป ก็มักจะแสดงน้ำใจนักกีฬา
                      ช่วยอำนวยความสะดวกรับส่งของให้กันและกันทั้งนั้น


                            เนื้อร้องบทที่ 9 นายเสือเตี้ยล้อเลียนหม่อมเจ้าอิทธิเทพสรรค์ กฤดากรว่า “....เห็นท่านอิทธิ

                      เทพสรรค์ทรงกางเกงขาสั้นดูก๋ากั่นเต็มที ทรงพระมาลาหนัง จะว่าหรั่งก็ไกล เสื้อแบะยกเปิดไหล่
                      ทั้งเน๊กไตไม่มี”


                            เนื้อร้องบทที่ 10 นายเสือเตี้ยถือโอกาสบริภาษหม่อมเจ้าอิทธิเทพสรรค์ กฤดากรทำนองว่า
                      ลวนลามพล่ามหยาบช้าป่นปี้ กล่าวคือ “…จ้าวถ้าทรงเครื่องหมายถ้าจะดูง่ายดี นายจงฯ ไม่รู้จัก

                      ทั้งไม่ทักไม่ถาม เห็นทรงพระลวนลามพล่ามหยาบช้าป่นปี้ จึงขนของเรื่อยไป มิหวั่นไหวในท่าน
                      เพราะมิใช่พนักงานผู้ทำการตามน่าที่”


                            เนื้อร้องบทที่ 11 นายเสือเตี้ยเสียดสีพฤติกรรมวางอำนาจบาตรใหญ่ของหม่อมเจ้าอิทธิ
                      เทพสรรค์ กฤดากรว่า “น่าขบขัน” ดังนี้ “...ท่านอิทธิ์ฯ องอาจ แผ่อำนาจโตใหญ่ ร้องว่ากูคือใคร

                      รู้หรือไม่หมอนี่? ทรงกล่าวคำหยาบช้าต่อหน้าธาระกำนัล มุด้วยเหตุโมหันธ์ นึกน่าขันเหลือดี....”

                            เนื้อร้องบทที่ 12 นายเสือเตี้ยประชดประชันว่า การวางอำนาจใหญ่โตของหม่อมเจ้าอิทธิ

                      เทพสรรค์เพราะประสงค์จะให้ราษฎรเห็น“พระรัศมีของเจ้า” โดยล้อเลียนว่า“เจ้าก้านกระทิง-ชะโอ้-
                      เจ้ากิ่งหงอนไก่นี่เปน แจ้งความอย่างใหม่ให้เขาเห็นรัศมี….” คือ ล้อว่าอยากจะให้คนเห็นรัศมีเจ้า

                      แต่นายเสือเตี้ยเห็นรัศมีนั้นเป็นแค่ “(ดอก)หงอนไก่”


                            เนื้อร้องบทที่ 13 นายเสือเตี้ยอ้างคำพระอภัยวงศ์วรเสรฐพี่ชายนายจงใจภักดิ์เสียดสีหม่อม
                      เจ้าอิทธิเทพสรรค์ กฤดากรว่า แม้จะแต่งตัวดูทันสมัยแต่กลับแลดูคล้ายคนรับใช้ของฝรั่งมากกว่า
                                                                                      28
                      จะเป็นนายฝรั่ง กล่าวคือ “... สิ้นคำนายจงฯ พระอภัยวงศ์ก็แก้ ว่าจำ  ได้ไม่แน่ว่าท่านอิทธิฯ บดี
                      เพราะเห็นทรงกรอกกร๋อยคล้ายๆ บ๋อยฝรั่ง เลยไม่นึ่ง  อินังทั้งเห็นกำลังเต็มที่”
                                                                       29
                            ถ้อยคำฮึกหาญเสียดสีหม่อมเจ้าอิทธิเทพสรรค์ กฤดากรอย่างไม่เกรงกลัวพระอาญาหลวง

                      ของพระอภัยวงศ์ฯ ซึ่งนายเสือเตี้ยน่าจะอ้างมาจากฎีกาทูลเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า
                      นี้เอง ทำให้นายเสือเตี้ยเขียนคำร้องลำตัดวิจารณ์ ในเนื้อร้องบทที่ 14 ว่า “เจ้าก้านกระทิง-ชะโอ้-



                         28   ต้นฉบับรายงานวิจัยว่า “ว่าจะได้ไม่แน่ท่านอิทธิฯบดี”                                        เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย

                         29   ตามต้นฉบับรายงาน
   439   440   441   442   443   444   445   446   447   448   449