Page 85 - kpi15476
P. 85
4 การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15
พ.ศ.2460 ได้ทรงพระผนวชเป็นเวลาหนึ่งพรรษา ในระหว่างนั้นได้ทรงศึกษาพระพุทธธรรม
ลึกซึ้งพอที่จะทรงพระนิพนธ์เรียงความแก้กระทู้ธรรม ทรงได้รับรางวัล 3 เรื่อง คือ เรื่อง “คนผู้
ได้รับการฝึกหัดแล้วเป็นผู้ประเสริฐในมวลมนุษย์” เรื่อง “โลกอันเมตตาค้ำจุนไว้” และ
“ความรู้จักพอดียังประโยชน์ให้สำเร็จทุกเมื่อ” ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าทรงสามารถทรงพระอักษร
(เขียน) ภาษาไทยได้อย่างกระชับได้ใจความแจ่มแจ้ง
นอกจากนั้นยังควรตั้งข้อสังเกตไว้เป็นสำคัญว่า เรื่องแรก เน้นถึงความสำคัญของการฝึกหัด
ทั้งกาย วาจา และใจ โดยการฝึกหัดใจนั้น “สำคัญที่สุด” และผู้ประเสริฐนั้นหมายถึงบุคคลที่ดี
กว่าผู้อื่น มิใช่เพราะมีทรัพย์สินมากหรือยศสูง ซึ่ง “หาใช่ความดีของตนเองไม่” เรื่องที่สองมีข้อ
สรุปว่า “หากว่าเมตตาไม่มีในสันดานของมนุษย์บ้างแล้ว...ชนที่หลายจะนึกถึงความสุขของตน
ผู้เดียว แล้วเบียดเบียนผู้อื่น ฝ่ายผู้เป็นใหญ่ก็จะใช้อำนาจของตนบีบบังคับผู้น้อย ... โลกก็จะ
ถึงความจลาจลโดยเหตุนี้เอง” เมตตาจึงค้ำจุนโลกไว้ด้วยประการฉะนี้ ส่วนเรื่องที่สามว่าด้วย
มัชฌิมาปฏิปทา หรือ “การปฏิบัติเปนสายกลาง” นั้น ข้อความสำคัญที่ทรงไว้ง่ายๆ ก็คือ “รู้จัก
หยั่งเหตุผล รู้จักผ่อนผัน อย่าถือเคร่งเกินจำเปน แต่ก็ไม่ควรจะให้หย่อนเกินไป” (ทั้งหมด
ตัวสะกดตามต้นฉบับ) (บวรนิเวศวิหาร 2528 : 54,57 และ62) พระนิพนธ์เหล่านี้ แสดงให้
เห็นว่าทรงตระหนักดีในคุณธรรมทั้งสามประการ และหากศึกษาพระจริยาวัตรและพระราชดำรัส
ในช่วงที่ทรงครองราชย์ จะเห็นได้ว่าพระองค์ทรงปฏิบัติตามโดยสม่ำเสมอ และในฐานะผู้ปกครอง
ได้ทรงแนะนำให้บรรดาพลเมืองได้ปฏิบัติเช่นนั้นด้วยซึ่งน่าจะนับได้ว่า ได้ทรงทำหน้าที่ทั้งในเชิง
“ธรรมราชา” และ “ราชาปราชญ์”
ขอนำเสนอตัวอย่างพระราชจริยวัตรดังกล่าวแล้วเพียงโดยสังเขปดังนี้ เกี่ยวกับคุณธรรม
ประการที่หนึ่ง เรียง “คนผู้ได้รับการฝึกหัดแล้ว..” ขอให้พิจารณาบทพระราชนิพนธ์ท่อนที่ว่า
(ดู สนธิ 2545)
“Absolute Monarchy, like democracy, may become harmful at any time,
because both principles rely on the perfection of human nature, a very frail
thing to depend on. A sound democracy depends on the soundness of the
people, and a benevolent absolute monarchy depends on the qualities of the
King.”
ซึ่งทรงไว้ในพระราชบันทึก “Democracy in Siam” เมื่อ พ.ศ.2470 ทรงตอบหนังสือ
ขอพระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับรายละเอียดของอำนาจหน้าที่ของสภากรรมการองคมนตรี
ซึ่งกำลังจะจัดตั้งขึ้นเพื่อให้ชนชั้นนำได้ฝึกหัดวิธีการประชุมแบบรัฐสภา ทำหน้าที่พิจารณาประเด็น
นโยบายและกฎหมาย อันเป็นกลไกส่วนหนึ่งของ “แผน” ของพระองค์ในการปฏิรูประบอบการ
ปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์สู่แบบพระมหากษัตริย์ในระบอบรัฐธรรมนูญ
เอกสารประกอบการอภิปราย รายวัน ปีที่ 27 ฉบับที่ 9146 วันที่ 22 ตุลาคม 2519 ดังนี้
(Constitutional Monarchy) ซึ่งเป็นรูปแบบหรือแบรนด์ (brand) หนึ่งของประชาธิปไตย
หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้แปลไว้ในคอลัมน์ “ข้าวไกลนา” ของท่านในสยามรัฐ