Page 538 - kpi17968
P. 538
527
ทบทวนโดยฝ่ายตุลาการหรือ “ตุลาการภิวัฒน์” (Judicial review) ให้ฝ่าย
นิติบัญญัติและฝ่ายบริหารใช้อำนาจรัฐปฏิบัติหน้าที่ตามหลักนิติธรรมโดยมิให้ขัด
หรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ดังนั้น เพื่อให้เข้าใจถึงการใช้อํานาจตุลาการภิวัฒน์ของ
ศาลสูงสุดสหรัฐจึงต้องศึกษาประวัติพัฒนาการรูปแบบแนวคำวินิจฉัยของศาลสูง
สุดสหรัฐ ตั้งแต่คดี Marbury v. Madison ในปี ค.ศ. 1803 จนถึงคดีต่างๆ
ซึ่งเป็นคำวินิจฉัยที่มีความสำคัญต่อการพิทักษ์หลักศุภนิติกระบวน ดังนี้
2.1 คำวินิจฉัยของศาลสูงสุดสหรัฐในคดี Marbury v. Madison (ค.ศ.
1803) : ต้นกำเนิดการใช้อำนาจตุลาการภิวัฒน์ (Judicial Review) ตาม
หลักนิติธรรม
สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีรัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษรใช้เป็น
ประเทศแรกของโลกในปี ค.ศ. 1787 ซึ่งมีศาลสูงสุดปฏิบัติหน้าที่เป็นองค์กร
ตุลาการเช่นศาลรัฐธรรมนูญ ที่เป็นผู้ใช้อำนาจตุลาการในการพิจารณาคดีโดยมี
วัตถุประสงค์เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งความเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญ ก่อนที่
สหรัฐอเมริกาจะได้มีรัฐธรรมนูญ แนวความคิดของ Sir Edward Coke ซึ่งอังกฤษ
ได้รับรองความเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญในคดีนายแพทย์ Thomas
Boham ดังกล่าวข้างต้น ได้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายทั่วไปเมื่อมีการตั้งถิ่นฐาน
ในสหรัฐอเมริการาวศตวรรษที่ 17 แม้ในเวลาต่อมาประเทศอังกฤษได้หันกลับไป
ยึดหลักความมีอำนาจสูงสุดของรัฐสภาในการตรากฎหมาย แต่นักกฎหมายของ
สหรัฐอเมริกาซึ่งส่วนมากไปจากอังกฤษ ยังคงรักษาหลักการมีอำนาจจำกัดของ
รัฐสภาในการตรากฎหมายไว้ในฐานะที่เป็นหลักกฎหมายที่สำคัญในการธำรงไว้
ซึ่งความเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญเพื่อเป็นหลักประกันสิทธิเสรีภาพ
ของพลเมือง แนวความคิดนี้จึงได้ปรากฏอย่างชัดเจนขึ้นในปี ค.ศ. 1788 เมื่อ
อเล็กซานเดอร์ แฮมิลตัน (Alexander Hamilton) ซึ่งได้เป็นผู้ร่วมยกร่าง
รัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา ได้แสดงความเห็นสนับสนุนหลักความเป็นกฎหมาย
สูงสุดของรัฐธรรมนูญและอำนาจของผู้พิพากษา ศาลสูงสุดในการตีความ
รัฐธรรมนูญเพื่อตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐตามหลักศุภนิติกระบวน (Due
process of law) หรือหลักนิติธรรมของอังกฤษนั่นเอง
บทความที่ผานการพิจารณา