Page 542 - kpi17968
P. 542
531
ฝ่ายบริหาร ซึ่งมองว่าเป็นการผิดหลักประชาธิปไตยในเรื่องการแบ่งแยกอำนาจ
อธิปไตยตามหลักการที่มองเตสกิเออได้วางไว้เมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว ซึ่งทุกวันนี้
ประเทศไทยก็ยังยึดติดอยู่กับหลักการแบ่งแยกอำนาจของมองเตสกิเออ ทั้งที่ความ
จริงสังคมได้เปลี่ยนแปลงไปมากจากยุคของมองเตสกิเออ อำนาจนิติบัญญัติ
อำนาจบริหาร อำนาจตุลาการ ต้องแยกกัน ไม่แทรกแซงกันเป็นทฤษฎีแบ่งแยก
อำนาจในสมัยโบราณ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ในสังคมปัจจุบันที่ว่า ศาลก็ใช้อำนาจตุลาการ
ในการปฏิบัติหน้าที่พิจารณาพิพากษาอรรถคดี ส่วนรัฐสภาก็มีอำนาจนิติบัญญัติใน
การปฏิบัติหน้าที่ออกกฎหมาย แต่ทุกองค์กรต่างเป็นอิสระซึ่งจะต้องทำปฏิบัติ
หน้าที่ตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจซึ่งกันและกัน ก่อนหน้าที่จะมีศาลปกครอง
ศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ก็ไม่มีปัญหา เพราะสมัยก่อนไม่มีคดีในทางกฎหมายมหาชนซึ่งเกี่ยวข้องกระทบ
กับสังคมเกิดขึ้น อย่างไรก็ดี เมื่อมีคดีปกครอง คดีรัฐธรรมนูญ หรือคดีอาญาของ
ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีการตัดสินคดีในบริบทของกฎหมายมหาชน
ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีประสบการณ์กันมาก่อน จึงได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า
ศาลใช้อำนาจตุลาการไปก้าวล่วงอำนาจนิติบัญญัติของรัฐสภา หรืออำนาจบริหาร
ของรัฐบาล แต่ในปี ค.ศ. 1803 ที่สหรัฐเมื่อสองร้อยกว่าปีมาแล้ว ก่อนมีประมวล
กฎหมายนโปเลียน ได้เคยมีปัญหาเกิดขึ้นในทำนองนี้ในคดี Marbury v.
Madison ก็ไม่เห็นมีใครวิจารณ์ว่าศาลสูงสุดสหรัฐซึ่งเป็นต้นกำเนิดตุลาการ
ภิวัฒน์ได้ใช้อำนาจตุลาการเข้าไปก้าวก่ายฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติเลย
2.2 พัฒนาการคำวินิจฉัยของศาลสูงสุดสหรัฐจากคดี Marbury v.
Madison ถึงคดี Obamacare
ภายหลังจากที่คดี Marbury v. Madison (ค.ศ. 1803) ศาลสูงสุด
สหรัฐได้มีคำวินิจฉัยตัดสินว่ากฎหมายที่ออกโดยสภาคองเกรสนั้นขัดแย้งและ
ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ (unconstitutional) ซึ่งได้ขยายอำนาจของศาลสูงสุด
(ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เสมือนศาลรัฐธรรมนูญในบางประเทศ เช่น ประเทศเยอรมนี
หรือประเทศไทย) โดยสถาปนาอำนาจตรวจสอบทบทวนกฎหมายซึ่งออกโดย
สภาคองเกรส (Acts of Congress) ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญให้เป็นโมฆะ แม้ว่า
รัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกามิได้บัญญัติโดยแจ้งชัดให้อำนาจตุลาการภิวัฒน์
บทความที่ผานการพิจารณา