Page 545 - kpi17968
P. 545
534
เท่านั้น ไม่ได้ไปไกลถึงหัตถกรรมอย่างอื่น (เช่น การให้วัคซีน หรือการถ่ายเลือด)
อีกทั้งเป็นที่น่าสังเกตว่า ศาลสูงสุดไม่ได้หยิบยกประเด็นทางด้านสิทธิตาม
รัฐธรรมนูญสหรัฐ แก้ไขฉบับที่ 1 (First Amendment) ซึ่งว่าด้วยเสรีภาพในการ
แสดงออกขึ้นมาแต่อย่างใด จึงไม่ใช่การปกป้องที่มีลักษณะเป็นการทั่วไปเท่าสิทธิ
ตามรัฐธรรมนูญ
ส่วนฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย เช่น ผู้พิพากษาเสียงข้างน้อยนั้น มองต่างอย่าง
มาก โดยให้เหตุผลหลายอย่าง เช่น ความเห็นเสียงข้างมากเท่ากับทำให้ศาลลงไป
ตัดสินว่า อะไรคือความถูกต้องของแต่ละศาสนา เพราะแต่ก่อนศาลก็เคยบอกว่า
การไม่จ่ายเงินเข้ากองทุนประกันสังคมด้วยเหตุด้านศาสนานั้น ไม่ได้ในคำวินิจฉัย
ในคดี US. v. Lee นอกจากนี้ คนที่ตัดสินใจเรื่องคุมกำเนิดจริงๆ ไม่ใช่บริษัท
แต่เป็นลูกจ้างที่ตัดสินใจทางความเชื่อ การจ่ายเงินเข้ากองทุนเป็นการจ่าย
ในลักษณะทั่วไปไม่ได้บอกเป็นการเฉพาะว่าเงินไหนใช้ทำอะไร อีกทั้งเสียงส่วน
น้อยเห็นว่า นิติบุคคลนั้นไม่ได้มีชีวิตจิตใจด้วยตนเอง บริษัทหากำไรจึงแตกต่าง
จากองค์กรไม่แสวงหากำไรทางศาสนาด้วยวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน เพราะองค์กร
ศาสนาเกิดขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ด้านศาสนา แต่บริษัทเกิดจากการแยกตัวระหว่าง
บุคคลธรรมดากับนิติบุคคล เพื่อจะเข้าไปสู่โลกของผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
ไม่ได้อยู่ในโลกเดิมที่บุคคลมีความเชื่อทางศาสนา
ข้อวิจารณ์คดีนี้คือ นับเป็นอีกครั้งที่นิติบุคคลได้รับการขยายสิทธิ
ออกไปจากสิทธิเดิมๆ ในกฎหมายของสหรัฐอเมริกา ซึ่งให้สิทธินิติบุคคลในการทำ
สัญญาและบังคับสัญญา (เช่น ในคดี Dartmouth College v. Woodward
ปี ค.ศ. 1819) และได้รับความคุ้มครองตามหลักนิติธรรมจากศุภนิติกระบวนที่
ชอบด้วยกฎหมาย (Due process of law) และความคุ้มครองอย่างเท่าเทียมกัน
(Equal protection) ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญสหรัฐ ฉบับแก้ไขครั้งที่ 14
(Fourteenth Amendment) (เช่น คดี Santa Clara v. Southern Pacific
Railroad ปี ค.ศ. 1886 และคดี Pembina Consolidated Co. v. Pennsylvania
ปี ค.ศ. 1888) เมื่อไม่นานมานี้ ก็ได้รับการรับรองว่ามีเสรีภาพในการแสดงออก
(Freedom of Expression) อย่างน้อยในแง่การบริจาคเงินเพื่อแสดงออกทาง
การเมือง (เช่น ในคดี Citizens United v. FEC ปี ค.ศ. 2010) และต่อมาในคดี
บทความที่ผานการพิจารณา