Page 63 - kpi19900
P. 63
โครงการศึกษาวิจัยวิเคราะห์ร่างพระราชบัญญัติเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
การนับคะแนนการเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครที่ได้รับคะแนนน้อยกว่าคะแนนไม่เลือกผู้ใดต้องเลือกตั้งใหม่
และในกรณีที่ไม่มีคู่แข่งต้องได้คะแนนร้อยละ 10 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดย กกต. มีอ านาจแต่งตั้ง
คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจ าท้องถิ่นในการดูแลการเลือกตั้ง
การประกาศผลเลือกตั้ง ตามมาตรา 16 ต้องประกาศผลการเลือกตั้งภายใน 30 วันนับแต่วันเลือกตั้ง
ในกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าการเลือกตั้งไม่ได้สุจริตและเที่ยงธรรมให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
ด าเนินการสืบสวนหรือไต่สวนให้เสร็จ และประกาศผลการเลือกตั้งหรือจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วันนับ
แต่วันเลือกตั้ง
ด้ำนกำรก ำหนดพื้นที่และจ ำนวนเขตเลือกตั้ง
ตามมาตรา 18 และ 19 ก าหนดพื้นที่และจ านวนเขตเลือกตั้ง โดยการแบ่งเขตเลือกตั้งแต่ละเขตต้องมี
จ านวนประชากรใกล้เคียงกันมากที่สุด และพื้นที่ของแต่ละเขตเลือกตั้งต้องติดต่อกัน เว้นแต่บางพื้นที่ไม่อาจ
แบ่งเขตให้มีพื้นที่ติดต่อกันได้ ส าหรับหลักการแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นแต่ละประเภทเป็นดังนี้
การเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ให้ถือเขตเป็นเขตเลือกตั้ง แต่ถ้าเขตใดมีจ านวนประชากรใน
ปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการเลือกตั้งเกิน 150,000 คน ให้ คณะกรรมการการเลือกตั้งแบ่งเขตนั้นออกเป็นเขต
เลือกตั้งตามจ านวนสมาชิกสภากรุงเทพมหานครที่พึงมี โดยแต่ละเขตต้องมีจ านวนประชากรใกล้เคียงกัน
สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ในการก าหนดเขตเลือกตั้งให้ถืออ าเภอเป็นเขตเลือกตั้ง แต่ถ้า
อ าเภอใดมีสมาชิกได้เกินกว่าหนึ่งคนให้แบ่งเขตอ าเภอเป็นเขตเลือกตั้ง เท่ากับจ านวนสมาชิกที่จะพึงมีในอ าเภอ
นั้น
สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนต าบล ให้ถือเขตหมู่บ้านเป็นเขตเลือกตั้ง เว้นแต่กฎหมายว่าด้วยสภา
ต าบลและองค์การบริหารส่วนต าบลจะก าหนดไว้เป็นอย่างอื่น
การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลต าบล ให้แบ่งเขตเทศบาลเป็นสอง
เขตเลือกตั้ง การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเมือง ให้แบ่งเขตเทศบาลเป็นสามเขตเลือกตั้ง และการเลือกตั้ง
สมาชิกสภาเทศบาลนคร หรือการเลือกตั้งสมาชิกสภาเมืองพัทยาให้แบ่งเขตเทศบาลหรือเขตเมืองพัทยาเป็นสี่
เขตเลือกตั้ง และต้องมีจ านวนสมาชิกสภาเทศบาลเท่ากันทุกเขตเลือกตั้ง
ด้ำนคุณสมบัติของผู้สมัคร
ตามมาตรา 49 ได้มีการก าหนดคุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยก าหนดทั้งคุณสมบัติเบื้องตั้นทั้งหมด
4 ข้อและลักษณะต้องห้ามทั้งหมด 25 ข้อ โดยสาระส าคัญของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้ความส าคัญ
เกี่ยวกับลักษณะต้องห้ามเพื่อการป้องกันการประพฤติมิชอบ การเกิดผลประโยชน์ทับซ้อน รวมถึงความผิด
เกี่ยวกับการทุจริตทุกประเภท เช่น การเป็นบุคคลล้มละลายหรือล้มละลายทุจริต การพ้นจากราชการเพราะ
การทุจริต การต้องค าพิพากษาของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ ารวยผิดปกติ การต้องค า
- 58 -