Page 175 - kpi20756
P. 175

การประชุมวิชาการ
                                                                                        สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 21   17
                                                                                        ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ สร้างคุณภาพประชาธิปไตย


                      มนุษย์มีความเท่าเทียมกันตั้งแต่แรก แต่มีความแตกต่างกันในความพยายาม ศักยภาพ และ
                      ความสามารถ ในแง่นี้ความเหลื่อมล้ำในแง่ของการสั่งสมความมั่งคั่งระหว่างปัจเจกชน (ที่เกิดจาก

                      ความแตกต่างในความสามารถและความพยายาม) จึงเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติ และเป็นเรื่อง
                      ชอบธรรม การตั้งคำถามกับความมั่งคั่งของผู้อื่นที่ตนไม่อาจแสวงหามาได้ตามทัศนะของโนซิกเป็น
                      เรื่องของ “ความอิจฉา” (Nozick, 1974) กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือความเหลื่อมล้ำไม่ได้ถูกมองว่า

                      “ถูก” หรือ “ผิด” หรือไม่ใช่ประเด็นในเชิงศีลธรรม หากแต่เกิดมาจากธรรมชาติของมนุษย์นั่นเอง


                            หนึ่งในงานสำคัญที่เป็นจุดตั้งต้นให้โนซิกได้พัฒนาข้อถกเถียงข้างต้นคืองานของจอห์น รอลส์
                      (John Rawls) ในงานที่มีชื่อว่าทฤษฎีว่าด้วยความยุติธรรม (Theory of Justice) รอลส์ได้เสนอ
                      หลักการที่เรียกว่า “การกระจายรายได้ของคนที่ร่ำรวยที่สุดมาเพิ่มส่วนแบ่งรายได้ของคนที่ยากจน

                      ที่สุด” (maximin or difference principle) และหลักการความเสมอภาคในแง่ของโอกาส
                      (equality of opportunity) ที่หัวใจสำคัญอยู่ที่ความแตกต่างในสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม

                      ไม่ควรเป็นอุปสรรคในแง่ของโอกาสที่ไม่เท่าเทียมกันทั้งในเรื่องการศึกษา และการทำงาน (Rawls,
                      1999 [1971]) หากพิจารณาในแง่นี้งานของโนซิกและรอลส์ยังมีจุดร่วมที่สำคัญคือการมุ่งเน้น
                      สิทธิ เสรีภาพของมนุษย์ แต่มีความแตกต่างที่สำคัญตรงที่มุมมองที่มีต่อการกระจายรายได้ของ

                      กลุ่มคนที่มั่งคั่งที่สุดมายังกลุ่มคนที่ยากจนที่สุด และการยืนยันในหลักการที่ว่าความแตกต่างทาง
                      สถานะทางสังคมไม่ควรจะเป็นอุปสรรคในเชิงโอกาส


                            นอกจากหลักการความเสมอภาคในแง่โอกาสแล้ว อีกหนึ่งหลักการสำคัญที่มักจะเป็นฐาน
                      สำหรับนักวิชาการ และผู้กำหนดนโยบายในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำคือหลักความเสมอภาค

                      ในแง่ของผลลัพธ์ (equality of outcome) หลักการนี้มองว่า แม้ว่าทุกคนจะได้รับโอกาสในการ
                      แข่งขันที่เท่าเทียมกัน แต่คนบางกลุ่มอาจเผชิญกับอุปสรรค ปัญหา หรือความโชคร้าย

                      บางประการจนส่งผลต่อศักยภาพในการแข่งขัน ดังเช่น เด็กบางคนที่ผู้ปกครองประสบปัญหา
                      ทางเศรษฐกิจอาจส่งผลกระทบต่อศักยภาพในการเตรียมตัวสอบเข้าเรียนได้ นอกจากนี้ ผู้แพ้จาก
                      การแข่งขันมักจะได้รับผลตอบแทนที่น้อยกว่าผู้ชนะ เมื่อเวลาผ่านไปความแตกต่างในสถานะและ

                      ความมั่งคั่งจะมีแนวโน้มที่ส่งผ่านไปยังรุ่นสู่รุ่น จนในท้ายที่สุดอาจส่งผลตามมาทำให้การแข่งขัน
                      จะเป็นไปอย่างไม่เท่าเทียม (Atkinson, 2015)


                            งานสำคัญอีกชิ้นหนึ่งซึ่งมักได้รับการอ้างถึงเป็นวงกว้างในช่วงเวลาที่ผ่านมาคืองานของ
                      อมาตยา เซน (Amartya Sen) ที่แม้จะให้ความสำคัญกับ “เสรีภาพ” เช่นเดียวกับนักวิชาการ

                      สายเสรีนิยม หรืออิสระเสรีนิยมที่ได้กล่าวไปข้างต้น แต่เซนตระหนักถึงข้อจำกัดของกลไกตลาด
                      ที่ไม่สามารถทำให้ทุกคนได้รับประโยชน์อย่างเท่าเทียมกัน เมื่อมีผู้หนึ่งผู้ใดได้ประโยชน์ มักจะมี

                      ผู้เสียประโยชน์ เช่นเดียวกับข้อจำกัดในการจัดสรรสิ่งที่เป็นสินค้าสาธารณะ ขณะเดียวกันยิ่งรัฐ
                      ปล่อยให้กลไกตลาดทำงานมากเท่าใด จะยิ่งส่งผลให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำ และความยากจน
                      ซึ่งจะส่งผลตามมาทำให้มนุษย์ไม่อาจใช้สมรรถภาพ (capacities) ของตนได้อย่างเต็มที่ ภายใต้

                      บริบทและเงื่อนไขดังกล่าว รัฐจำเป็นต้องเข้ามาแทรกแซงเพื่ออุดช่องโหว่ที่เกิดจากกลไกตลาด
                      และแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่กระทบต่อการใช้สมรรถภาพของมนุษย์ (Sen, 1999)                            เอกสารประกอบการสัมมนากลุ่มย่อยที่ 3
   170   171   172   173   174   175   176   177   178   179   180