Page 179 - kpi20756
P. 179
การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 21 17
ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ สร้างคุณภาพประชาธิปไตย
อำนาจหรือกระทั่งยอมเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ความรุนแรง
ในลักษณะของการปฏิวัติ และภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวรัฐบาลแบบประชาธิปไตยมักจะต้อง
ดำเนินนโยบายกระจายทรัพยากรเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ (Acemoglu and Robinson, 2002)
ดังที่จะชี้ให้เห็นในส่วนถัดมา งานที่เชื่อมโยงการศึกษากระบวนการประชาธิปไตย และ
ความเหลื่อมล้ำในยุคถัดมา ได้รับอิทธิพลจากงานของคุซเนตส์ ไม่มากก็น้อย
ในการทบทวนงานชิ้นสำคัญที่เชื่อมโยงสองสิ่งนี้เข้าด้วยกัน ผู้เขียนจะมุ่งเน้นไปที่งานสำคัญ
2 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ กลุ่มงานที่อาจเรียกรวมได้ว่าเป็นงานที่สำรวจปัจจัยเชิงเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อ
การเปลี่ยนแปลงของระบอบการเมือง อันได้แก่ งานของคาร์เลส บอร์ส (Carles Boix) งานของ
ดารอน อเซโมกลู และเจมส์ โรบินสัน และงานกลุ่มที่สองที่ให้ความสำคัญกับ ปัจจัยทางการเมือง
ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของระบอบ โดยงานกลุ่มนี้ตั้งคำถามกับความเชื่อมโยงระหว่าง
ความเหลื่อมล้ำ ซึ่งมองว่าเป็นปัจจัยทางเศรษฐกิจ กับกระบวนการประชาธิปไตย พร้อมทั้ง
ชี้ให้เห็นถึงปัจจัยทางการเมืองอื่นๆที่ส่งผลต่อกระบวนการประชาธิปไตยมากกว่าความเหลื่อมล้ำ
งานสำคัญในกลุ่มนี้ได้แก่งานของสเตฟาน แฮกการ์ด (Stephan Haggard) และรอเบิร์ต คอฟมัน
(Robert Kaufman)
สำหรับงานในกลุ่มแรก งานบุกเบิกชิ้นสำคัญที่มุ่งศึกษาความเชื่อมโยงระหว่างความ
เหลื่อมล้ำ และกระบวนการประชาธิปไตยคืองานของคาร์เลส บอร์ซ ในหนังสือเรื่อง
“ประชาธิปไตยและการกระจายทรัพยากร” (Democracy and Redistribution) ในงานดังกล่าว
บอร์ซได้นำเสนอความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยทั้งสองในหลากหลายลักษณะ ในบริบทของประเทศ
เผด็จการอำนาจนิยมที่สังคมมีความเหลื่อมล้ำค่อนข้างสูง โอกาสที่จะเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยจะ
มีค่อนข้างน้อย สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากชนชั้นนำจะไม่ปรารถนาที่จะผ่องถ่ายอำนาจไปสู่
มวลชนตามแนวทางของประชาธิปไตย เพราะการกระทำดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์
ทางเศรษฐกิจที่ตนถือครองอยู่ ที่จะถูกจัดสรรออกไปตามการเรียกร้องของมวลชนภายหลัง
การเปลี่ยนแปลงไปสู่ประชาธิปไตย ดังนั้นหากมีกระแสการเรียกร้องของมวลชนให้กระจาย
ทรัพยากร และเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตย รัฐบาลเผด็จการมักจะตอบโต้ด้วยการปราบปรามและ
กดทับอย่างเต็มที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของตนไว้ (Boix, 2003)
นอกจากปัจจัยเรื่องความเหลื่อมล้ำแล้ว อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่บอร์ซชี้ให้เห็นคือประเด็น
เรื่องธรรมชาติของสินทรัพย์หรือความมั่งคั่งที่ชนชั้นนำครอบครองอยู่ ที่ส่งผลต่อการคิดคำนวณ
เชิงยุทธศาสตร์ของตัวแสดง โดยเฉพาะชนชั้นนำอีกด้วย หากสินทรัพย์ที่ชนชั้นนำครอบครอง
มีความคล่องตัวในการเคลื่อนย้าย (asset mobility) สูง ดังเช่น เงิน พันธบัตร ตราสารหุ้น
โอกาสที่ชนชั้นนำจะยอมประนีประนอมกระจายอำนาจไปสู่มวลชนตามแนวทางของระบอบ
ประชาธิปไตยจะมีสูง เนื่องจากชนชั้นนำจะมองว่าภายหลังการเปลี่ยนผ่านโอกาสที่ความมั่งคั่งของ
ตนจะได้รับผลกระทบจากนโยบายการกระจายทรัพยากรจะมีน้อย เพราะสามารถถ่ายโอน
ความมั่งคั่งไปยังต่างประเทศได้ ในทางกลับกันหากสินทรัพย์ที่ชนชั้นนำครอบครองมีความ
คล่องตัวในการเคลื่อนย้ายต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินทรัพย์ในรูปของที่ดิน โอกาสที่ชนชั้นนำ เอกสารประกอบการสัมมนากลุ่มย่อยที่ 3
จะยอมประนีประนอมต่อข้อเรียกร้องของมวลชนให้เปลี่ยนผ่านเป็นประชาธิปไตย จะยิ่งมีน้อย