Page 233 - kpi20756
P. 233
การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 21 2
ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ สร้างคุณภาพประชาธิปไตย
มีสถานภาพทางสังคมสูงมีโอกาสรอดพ้นจากการกระทำผิดกฎหมายได้ง่ายกว่าคนที่มีฐานะทาง
เศรษฐกิจต่ำหรือมีสถานภาพทางสังคมต่ำ อาทิ คนที่หาเช้ากินคำ ผู้ใช้แรงงาน เป็นต้น หรือกรณี
ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างกลุ่มคนสองกลุ่มในช่วง พ.ศ. 2552 - 2557 ที่มีความเห็นหรือ
อุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกันและส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในพื้นที่
โดยได้รับการปฏิบัติที่ไม่เสมอภาค เป็นธรรมทั่วหน้ากัน
เพื่อให้เห็นภาพความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชัดเจนขึ้น ผู้เขียนได้นำเสนอปัญหา
ความเหลื่อมล้ำและความไม่เป็นธรรมในพื้นที่ของเมืองและชนบทของสังคมไทยดังนี้ (ปธาน
สุวรรณมงคล, 2562)
ปัญหาความเหลื่อมล้ำและความไม่เป็นธรรมในเมือง
เมื่อพิจารณาความเป็นเมืองของโลกสามารถกล่าวได้ว่า ขณะนี้ประชากรของโลกกว่าครึ่ง
อาศัยอยู่ในเมืองมาหลายปีแล้วและมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมืองจึงนับเป็นแหล่งชุมชนที่มี
ประชาชนอยู่เป็นจำนวนมากและหนาแน่น มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่หลากหลายก่อให้เกิดความ
เป็นเมืองเกิดขึ้น สำหรับประเทศไทย ความเป็นเมืองก็มีมากขึ้นเห็นได้ชัดว่า ค่อยๆ เปลี่ยนไปจาก
ในอดีตที่ผ่านมาจนถึงทุกวันนี้ว่า กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่มีความเป็นเมืองมากที่สุดจนถูกเรียกว่า
เอกะนคร (Primate City) และในระยะหลังได้ขยายขอบเขตความเป็นเมืองครอบคลุมอีกหลาย
จังหวัดในเขตปริมณฑล ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร สมุทรปราการ นครปฐม
มีประชากรอาศัยรวมกันประมาณ 10 ล้านคนเศษ รวมถึงยังเกิดเมืองขึ้นมาอีกหลายเมือง เช่น
ขอนแก่น ภูเก็ต พัทยา เป็นต้น แต่ก็นับว่า ยังมีขนาดที่ห่างจากกรุงเทพมหานครมากนัก สิ่งนี้
สะท้อนถึงความไม่จริงใจและความล้มเหลวเชิงนโยบายการกระจายความเจริญของรัฐบาลที่ผ่าน
มานับแต่เร่งรัดพัฒนาประเทศตั้งแต่ปี 2504 เพราะในความเป็นจริงที่ปรากฏให้เห็นกลายเป็น
นโยบายที่ส่งเสริมการกระจุกตัวของความเจริญไว้ที่ศูนย์กลางคือ กรุงเทพมหานคร อาทิ การทุ่ม
งบประมาณหลายแสนล้านในการพัฒนาโครงสร้างการขนส่งในเมือง บริการสาธารณสุขและ
การศึกษาที่มีมาตรฐานสูง ภาคธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลางล้วนแต่กระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพมหานคร
และปริมณฑล เป็นต้น ส่งผลให้ประชากรจำนวนนับล้านคนอพยพย้ายถิ่นเข้ามาแสวงหาโอกาส
ที่ดีกว่าในเมือง
ความเป็นเมืองของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงเมืองใหญ่อีกหลายเมืองสะท้อน
ถึงความเจริญที่ยังมีลักษณะของการกระจุกตัวมากกว่ากระจายตัว และแม้ว่าเมืองใหญ่เหล่านี้
จะเป็นแหล่งสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจของประเทศและเป็นแหล่งสร้างงานให้คนจำนวนมาก
ก็ตาม แต่ในอีกด้านหนึ่งกลับพบว่า มีความเหลื่อมล้ำที่ซ่อนอยู่ในเมืองเหล่านี้ มีงานวิจัยของ
ณัฐวุฒิ อัศววิทวงศ์ และฐิติวัฒน์ นงนุช ในโครงการ ปริทัศน์ความรู้เรื่องความเหลื่อมล้ำในเมือง
ศูนย์กลาง พบว่า มีความเหลื่อมล้ำในเมืองศูนย์กลางอยู่ 3 ประการ ได้แก่ (ณัฐวุฒิ อัศววิทวงศ์
และฐิติวัฒน์ นงนุช, 2558) เอกสารประกอบการสัมมนากลุ่มย่อยที่ 5