Page 234 - kpi20756
P. 234

2       การประชุมวิชาการ
                    สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 21
            ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ สร้างคุณภาพประชาธิปไตย


                       ประการแรก ความเหลื่อมล้ำด้านโอกาสในการเข้าถึงปัจจัยการผลิต โดยที่ผู้ประกอบการ
                  รายใหญ่ไม่กี่รายถือครองปัจจัยการผลิตมากจนกลายเป็นผู้ควบคุมและการกำหนดการพัฒนาไป

                  ในที่สุด

                       ประการที่สอง ความเหลื่อมล้ำด้านอำนาจและการเมืองในการเข้าถึงการบริหารจัดการเมือง

                  เมืองศูนย์กลางมีลักษณะของความเป็นพื้นที่ทางการเมือง (Space of Politics) สูง และ
                  มีแนวโน้มโครงสร้างการบริหารและการพัฒนาเมืองศูนย์กลางที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนในเชิง

                  อำนาจตามไปด้วย

                       ประการที่สาม ความเหลื่อมล้ำเชิงสังคมและโอกาสสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ความเหลื่อมล้ำ

                  ทางรายได้ที่มีสาเหตุมาจากการกระจายรายได้ที่ไม่เป็นธรรมในสังคม เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้
                  เกิดลำดับขั้นและชนชั้นทางสังคม (Social Class) โดยชนชั้นทางสังคมที่เกิดขึ้นนี้ มักจะนำไปสู่

                  อาการของความเหลื่อมล้ำทางสิทธิและโอกาสด้วย

                       ในระยะแรกๆ ของการพัฒนาประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ฉบับที่ 1

                  (พ.ศ. 2504 - 2509) โดยแรงงานที่อพยพจากชนบทสู่เมืองและมาทำงานใช้แรงงานมักอาศัยอยู่
                  ในชุมชนที่อยู่กันอย่างแออัดและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ในระยะหลังชุมชนแออัดกลับมี

                  แนวโน้มลดลงเพราะมีการไล่รื้อชุมชนแออัดเพื่อพัฒนาเป็นพื้นที่สาธารณะหรือเพื่อธุรกิจ (กรณี
                  เป็นพื้นที่เอกชน) และมีการพบว่า คนที่อยู่ในชุมชนแออัดหรือสลัมกลับเป็นคนที่อาศัยอยู่ในเมือง
                  มานานแล้วมากกว่าที่จะเป็นผู้อพยพใหม่มาจากชนบท และคนในชุมชนแออัดไม่ใช่คนจน โดย

                  โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการมูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทยให้ความเห็นว่า


                       “คนสลัมส่วนมากในกรุงเทพและปริมณฑลมีบ้านเป็นของตนเองบนที่ดินเช่า (เป็นส่วนใหญ่)
                  ในราคาแสนถูก หรือไม่ก็บุกรุกที่ดินคนอื่นฟรี ๆ แล้วสร้างบ้าน (เป็นส่วนน้อย) การมีบ้าน

                  สะท้อนฐานะที่ชัดเจนเพราะถ้าต้องเช่าบ้าน ค่าเช่าอย่างน้อยก็เป็นเงิน 1,500 บาทต่อห้องเล็กๆ
                  ห้องหนึ่ง ถ้าเช่าบ้านสลัมทั้งหลังคงไม่ต่ำกว่า 2,500 บาท ถ้าเราเอาค่าเช่ามาแปลงเป็นมูลค่า
                  ณ อัตราผลตอบแทน 8% ต่อปี ก็จะเป็นเงิน 375,000 บาทต่อหลัง (2,500 x 12 / 8%)

                  นี่คือเครื่องแสดงฐานะของชาวสลัมโดยเฉลี่ย”

                                                                                 (โสภณ  พรโชคชัย, 2548)



                       หากพิจารณาจากตัวเลขของโสภณ พรโชคชัย ทำให้เข้าใจว่า คนในชุมชนแออัดไม่ใช่คนจน

                  ซึ่งก็อาจเป็นจริงในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่อาจเหมารวมได้ว่า คนในชุมชนแออัดทั้งหมดหรือส่วนใหญ่
        เอกสารประกอบการสัมมนากลุ่มย่อยที่ 5   จำนวนมากที่เป็นคนหาเช้ากินค่ำหรือมีรายได้ต่อวันแค่เพียงพอดำรงชีวิตอยู่ได้เท่านั้นโดยมี
                  ไม่ใช่คนยากจนหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า “เป็นคนพอมีฐานะ” เนื่องจากในชุมชนแออัดยังมีคนอีก



                  คุณภาพชีวิตที่ต่ำกว่าโดยเฉลี่ยทั่วไป และอาจกล่าวได้ว่า คนในชุมชนแออัดจำนวนมากยังอยู่ใน
                  วงจรของความเหลื่อมล้ำโดยรูปธรรมของความเหลื่อมล้ำอาจพิจารณาจากการศึกษาของบุตรหลาน

                  เปรียบเทียบกับครอบครัวที่มีฐานะทางเศรษฐกิจปานกลางถึงสูงในการเข้าศึกษาในสถานศึกษาที่มี
   229   230   231   232   233   234   235   236   237   238   239