Page 64 - kpi20858
P. 64
21
จากข้อความข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า วิชา Projection เป็นวิชาพื้นฐานที่ต่อยอดไปสู่วิชา
Perspective ในขั้นที่สูงขึ้น โดยที่ Projection นั้นเรียนรู้วิธีการเขียนภาพวัตถุในสถานที่ ซึ่งอาจเป็นหุ่น
นิ่ง เป็นการฉายภาพมุมมองในแบบย่อโลก ลวงตาให้เกิดภาพแบบ 3 มิติลงบนผืนภาพ 2 มิติ เช่น
เดียวกันกับวิชา Perspective หากแต่วิชา Perspective นี้มีองค์ประกอบของวัตถุที่ต้องค านึงถึงเพิ่มขึ้น
เพราะมีการเขียนภาพนอกสถานที่ อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรายวิชาดังกล่าวต่างต้องน าเสนอความถูกต้อง
ตามหลักทฤษฎีอย่างเคร่งครัด ซึ่งปรีชา เถาทอง ได้กล่าวเปรียบเทียบกับวิชากายวิภาค ที่เป็นวิชา
พื้นฐานให้ผู้เรียนฝึกฝน เพื่อพัฒนาต่อยอดไปสู่การแสดงออกทางศิลปะได้อย่างลึกซึ้งเช่นกัน
จากรายวิชาที่ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรีได้วางรากฐานไว้ข้างต้นนั้น สะท้อนให้เห็นถึงการให้
ความส าคัญต่อการศึกษาแบบศิลปะหลักตามวิชาตะวันตก ทั้งนี้สุดารา สุจฉายา ได้กล่าวว่า เมื่อแรก
ตั้งโรงเรียนประณีตศิลปกรรม ในปี พ.ศ.2476 กรมศิลปากรได้เชิญผู้มีความรู้และความเชี่ยวชาญทาง
ศิลปะมาเป็นผู้วางหลักสูตร และร่วมสอน โดยมีรายนามคณะครูผู้สอนในครั้งแรกดังนี้
๑. ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี (โคราโด เฟโรซี) สอนประติมากรรมและเทคนิคการช่าง
แบบยุโรป เช่น ทัศนียวิทยา กายวิภาควิทยา ทฤษฎีสี ทฤษฎีการวิพากษ์วิจารณ์ และ
สุนทรียศาสตร์
๒. พระสาโรชรัตนนิมมาน หัวหน้ากองสถาปัตยกรรมสมัยนั้น สอนวิชาสถาปัตยกรรม
และประวัติศาสตร์ศิลปะ
๓. หลวงวิจิตรวาทาการ อธิบดีกรมศิลปากรขณะนั้น สอนประวัติศาสตร์ไทย
๔. พระเทวาภินิมมิต สอนศิลปะไทยและ ลายไทย
๕. พระพรหมพิจิตร สอนสถาปัตยกรรมไทย
๖. พระสรลักษณ์ลิขิต สอนจิตรกรรม
๗. หลวงเทพรักษ์เลขา สอนท าฉากละคร
25
วิชาความรู้ข้างต้น ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะของศิลปินไทย
อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามการน าเอาแบบอย่างทฤษฎีจากศิลปะตะวันตกเข้ามาใช้สร้างสรรค์ผลงาน
ของศิลปินหรือช่างไทยนั้นได้ถูกด าเนินการมาก่อนหน้าจะมีการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบแล้ว การ
25 สุดารา สุจฉายา, “พระสรลักษณ์ลิขิต,” ใน เปิ ดกรุศิลปิ น (กรุงเทพฯ: เมืองโบราณ, 2532), 182-183.