Page 106 - kpi21595
P. 106
นอกจากนั้น ในระยะที่ยังมีการเรียนการสอนนั้น หากนักเรียนพลเมืองสามารถรวมกลุ่มกันได้อย่าง
แข็งขันก็จะทำให้เกิดองค์กรภาคประชาสังคมเกิดขึ้นในชุมชนอีกกลุ่มหนึ่งและเป็นกลุ่มที่มีความพิเศษแตกต่าง
ไปจากการรวมกลุ่มทางด้านเศรษฐกิจซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากในชุมชน เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งกลุ่มจิตอาสาที่จะ
เป็นหลักให้แก่ชุมชนในการทำกิจกรรมและแก้ไขปัญหาต่างๆในชุมชนร่วมกันได้ ช่วงระยะเวลาที่ยังมีการเรียน
การสอนอยู่นี้จึงนับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่นักเรียนพลเมืองจะร่วมกันผลักดันโครงการ/กิจกรรมเพื่แก้ไขปัญหา
และพัฒนาชุมชน เนื่องจากเป็นโอกาสที่คนในชุมชนจะมาพบกันพูดคุยกันเกี่ยวกับความเป็นไปของชุมชน โดย
มีวิทยากรจากหลายหน่วยงานที่ได้รับเชิญมาเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ให้แก่พวกเขาสามารถ
นำไปปรับใช้เพื่อแก้ไขปัญหาในชุมชนของตนต่อไปได้ หากนักเรียนพลเมืองสามารถใช้โอกาสที่ได้พบเจอเพื่อน
นักเรียนดังกล่าวร่วมกันคิดและทำโครงการต่างๆเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาชุมชนได้อย่างเป็นรูปธรรมและ
ต่อเนื่องก็มีแนวโน้มที่จะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงความเป็นพลเมืองให้เกิดขึ้นกับคนในชุมชนได้
ส่วนระยะที่สาม คือช่วงที่แกนนำพลเมืองได้จัดทำนวัตกรรม 1 ชิ้นในนามของโรงเรียนพลเมืองเพื่อ
แก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่ ซึ่งช่วงนั้นคนในชุมชนจะมีโอกาสได้เข้ามามีส่วนร่วมคิด ร่วมวางแผน และร่วม
ดำเนินการอีกระยะหนึ่งอย่างเต็มที่ จึงนับเป็นอีกช่วงหนึ่งที่แกนนำพลเมืองจะสามารถใช้กิจกรรมต่างๆของ
โรงเรียนพลเมืองเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมและสร้างความเป็นพลเมืองสู่คนในชุมชนได้
จากข้างต้นจะเห็นได้ว่าโรงเรียนพลเมืองเป็นเครื่องมือหนึ่งที่โดยรูปแบบแล้วมีช่องทางในการสร้าง
ความเป็นพลเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพตามหลักทฤษฎี เนื่องจากเป็นการผสานหลักการถ่ายทอดความรู้
ควบคู่กับการลงมือปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของโครงการโรงเรียนพลเมืองก็ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่
นักเรียนพลเมืองและวิทยากรร่วมกันออกแบบด้วย หากมีการออกแบบให้นักเรียนได้นำเอาความรู้ที่เรียนในชั้น
เรียนไปปรับใช้กับประเด็นปัญหาในชุมชนมาก ก็มีโอกาสที่โรงเรียนพลเมืองจะเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่สร้างการ
พบปะแลกเปลี่ยนระหว่างนักเรียนพลเมืองและคนในชุมชนได้ แต่หากการใช้พื้นที่โรงเรียนพลเมืองยังเป็นไปใน
แบบที่นักเรียนเรียนแล้วกลับบ้าน ไม่มีการส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมใดๆนอกเหนือไปจากนวัตกรรมของนักเรียน
พลเมืองที่มีการกำหนดไว้ให้เป็นส่วนหนึ่งของการสำเร็จการศึกษาแล้วรูปแบบของโรงเรียนพลเมืองที่กำหนดไว้
ก็จะถูกใช้ไปอย่างไม่เต็มประสิทธิภาพตามหลักทฤษฎีที่ต้องการให้รร.พลเมืองเป็นพื้นที่ในการแลกเปลี่ยน
เรียนรู้ร่วมกัน
ผลจากการศึกษาที่ชี้ให้เห็นว่า อำเภอนำร่องเป้าหมายมีจำนวนโครงการที่ถูกผลักดันออกมาจาก
โรงเรียนพลเมืองเพื่อส่งเสริมความเป็นพลเมืองแก่คนในพื้นที่อย่างจำกัด ขณะเดียวกันก็ไม่พบการรวมกลุ่มของ
นักเรียนพลเมืองในการทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมความเป็นพลเมืองที่ไปไกลเกินกว่าการร่วมกันบริจาคสิ่งของภาย
หลังจากสำเร็จการศึกษาอย่างชัดเจนเหนียวแน่นและสร้างการจดจำให้แก่คนในชุมชน สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นได้
ประการหนึ่งว่าแกนนำพลเมืองในอำเภอนำร่องทั้ง 3 แห่งได้แก่อำเภอเมืองร้อยเอ็ด อำเภอพนมไพร และ
อำเภอเสลภูมิ ยังไม่ได้ถูกใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โรงเรียนพลเมืองถูกใช้เป็นเพียง “โรงเรียน” แต่ยังไม่ได้
เป็น “พื้นที่เปิด” สำหรับสร้างการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสร้างสำนึกพลเมืองตระหนักรู้และพลเมือง
กระตือรือร้นตามวัตถุประสงค์ของโรงเรียนพลเมืองได้อย่างแท้จริง
95