Page 43 - kpi21595
P. 43
พลเมืองดีที่ Almond และ Verba ได้เคยเสนอไว้ ด้วยเงื่อนไขสองประการคือ ประการแรก พลังของ
กระบวนการทำให้เป็นสมัยทางสังคม (social mobilization) และประการที่สองคือกระแสโลกาภิวัตน์ ที่
28
ก่อให้เกิดการเปลี่ยนรูปของวัฒนธรรมทางการเมืองร่วมสมัย งานของ Ronald Inglehart ชี้ให้เห็นว่าใน
สังคมประชาธิปไตยหลังอุตสาหกรรมและความทันสมัยนั้นส่งผลให้พลเมืองเริ่มมีความรู้ไม่ต่างจากชนชั้นนำ
สิ่งนี้ทำให้พลเมืองเป็นผู้ที่มีความตื่นรู้และกระตือรือร้นที่จะใช้ช่องทางและกลไกการมีส่วนร่วมในลักษณะ
ท้าทายผู้มีอำนาจตัดสินใจทางการเมืองมากขึ้น อย่างไรก็ตาม บริบทของสังคมการเมืองในแต่ละพื้นที่ก็แตกต่าง
กัน ดังนั้น แม้การเปลี่ยนแปลงทั้งสองด้านจะเกิดขึ้น ขณะที่ กระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยก็ได้ถูกเผยแพร่
ไปในหลายแห่ง กระนั้น การขัดเกลาทางการเมืองก็ยังมีบทบาทสำคัญที่ไม่อาจละทิ้งไปได้ในฐานะที่เป็นปัจจัย
นำเข้าประการหนึ่งที่จะส่งผลให้ผลลัพธ์ทางการเมืองในแต่พื้นที่มีความแตกต่างกัน
29
งานของอาจารย์กมล สมวิเชียร กล่าวถึงวัฒนธรรมทางการเมืองของไทยได้อย่างน่าสนใจ โดยตั้ง
ข้อสังเกตว่ากระบวนการกล่อมเกลาทางสังคมของไทยนั้นได้รับอิทธิจากครอบครัวกสิกรรมและอิทธิพลของ
ศาสนาพุทธ ปัจจัยทั้งสองประการนี้มีผลต่อการกระบวนการขัดเกลาทางการเมืองและการบ่มเพาะวัฒนธรรม
ของคนไทยอย่างมาก ซึ่งจะเกิดขึ้นตั้งแต่ระดับครอบครัวเรื่อยไปจนถึงระดับสังคม การเมือง โดยเขาระบุว่า
ระบบชีวิตแบบกสิกรรมภายใต้สภาพแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์นั้น ทำให้คนไทยไม่
จำเป็นต้องพึ่งพาเกาะเกี่ยวกลมเกลี่ยวกันมากสามารถเอาชีวิตรอดได้โดยลำพังไม่ต้องพึ่งพาอาศัยญาติพี่น้อง
เพื่อนฝูงมากนัก ในขณะที่สภาพอากาศที่ไม่ร้อนหรือหนาวจัดจนเกินไปก็ทำให้คนไทยไม่จำเป็นต้องรวมกันเพื่อ
แก้ไขปัญหาอะไร ครอบครัวของสังคมไทยจึงอยู่กันแบบหลวมๆและเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ “คนไทยรัก
“อิสระภาพ” ไม่ชอบอยู่ใต้กฎเกณฑ์ข้อบังคับของครอบครัวและสังคม ไม่นิยมตั้งสมาคม องค์กร หรือสหพันธ์
30
ทั้งหลาย...” ไม่เพียงเท่านั้น อาจารย์กมล ยังตั้งข้อสังเกตว่า “ระบบราชการ” นั้นมีอิทธิพลต่อการสร้าง
วัฒนธรรมแบบอำนาจนิยมของสังคมไทยอย่างยิ่ง โดยที่ระบอบอำนาจนิยมของระบบราชการนี้ยังได้ครอบคลุม
ไปถึงระบบการเมืองด้วย เรื่องนี้ทำให้ผู้เขียนนึกถึงสุภาษิตไทยที่ว่า “สิบพ่อค้าไม่เท่าพระยาเลี้ยง” ซึ่งในเรื่องนี้
อาจารย์กมลมองว่าทำให้เมืองไทยมีวัฒนธรรมทางการเมืองที่ผสมผสานระหว่าง “อิสระนิยม” กับ “อำนาจ
นิยม” ซึ่งไม่เอื้อต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบตะวันตกที่สังคมไทยนำเข้ามาเท่าใดนัก
31
งานศึกษาของทินพันธ์ นาคะตะ เรื่อง “ประชาธิปไตยไทย” ได้ให้ข้อสรุปในลักษณะที่คล้ายกัน
เกี่ยวกับปัญหาประชาธิปไตยไทย โดยพิจารณาวัฒนธรรมทางการเมืองของประชาชนซึ่งเป็นมรดกตกทอด
ทางการเมืองการปกครองไทยมาแต่โบราณ 9 ประการด้วยกันคือ
1.อำนาจนิยม คนไทยส่วนใหญ่ชอบการใช้อำนาจเผด็จการ เคารพเชื่อฟังและอ่อนน้อมต่อผู้มีอำนาจ
2.นิยมระบบเจ้านายกับลูกน้อง
28 Inglehart, Ronald. “The Renaissance of Political Culture”. In The American Political Science Review. Vol. 82, No. 4 (Dec.
1988), p. 1203-1230.
29 กมล สมวิเชียร. ประชาธิปไตยกับสังคมไทย. กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช, 2516.
30 กมล สมวิเชียร, เพิ่งอ้าง.หน้า 141.
31 ทินพันธุ์ นาคะตะ. ประชาธิปไตยไทย. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ : โครงการเอกสารและตำรา คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริ
หารศาสตร์, 2543.
32