Page 50 - kpi21595
P. 50
ความเป็นพลเมือง มีอาทิ ค่านิยมเรื่องผู้หญิงมีหน้าที่ทำงานบ้าน ผู้ชายจะมีการเมืองมากกว่า ความเชื่อว่า
ชาวบ้านมีความรู้การศึกษาน้อยจึงไม่ค่อยกล้าแสดงออก ไม่อยากมีส่วนร่วม ความเชื่อว่าที่คนที่เป็นเกษตรกร
ไม่ได้ทำงานราชการจะรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าข้าราชการจึงไม่ค่อยกล้าแสดงออกมานัก เป็นต้น จากข้างต้น
ปัจจัยด้านสังคมวัฒนธรรมจึงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างแรงจูงใจทางการเมือง (political motivation) อยู่ไม่
น้อย ดังนั้น คำอธิบายที่ผู้เขียนได้กล่าวไปถึงแรงจูงใจทางการเมืองนั้น หากนำมาอธิบายร่วมกันกับทฤษฎี
ระบบการเมืองที่ถูกปรับมาเพื่อใช้อธิบายระบบการสร้างความเป็นพลเมืองในฐานะสภาพแวดล้อมนั้นก็อาจจะ
ช่วยเพิ่มความเข้าใจเงื่อนไขที่ส่งเสริมหรือขัดขวางความเป็นพลเมืองได้มากยิ่งขึ้น เช่น การเข้าไปมีส่วนร่วม
ทางการเมืองนั้นอาจเป็นความชอบส่วนตัวหรือผู้นั้นมีประวัติครอบครัวเป็นผู้นำมาโดยตลอดจึงเกิดแรงบันดาล
ใจหรือผู้นั้นต้องการมีตัวตนในสังคม ต้องการได้รับการยอมรับ หรือเป็นเพราะผู้นั้นเห็นแก่ประโยชน์ของ
ส่วนรวมเป็นหลักเห็นสังคมเดือดร้อนไม่ได้ต้องช่วยเหลือ เป็นต้น
สำหรับผลลัพธ์ (output) ที่สำนักส่งเสริมการเมืองภาคพลเมืองคาดว่าจะได้จากการดำเนินโครงการนี้
ก็คือ การสร้างพลเมืองที่ตระหนักรู้และพลเมืองที่กระตือรือร้นให้เกิดขึ้น โดยเรื่องของพลเมืองที่ตระหนักรู้นั้น
ได้กล่าวถึงไปแล้วข้างต้นว่าหมายถึงผู้ที่มีความสนใจทางการเมืองมากขึ้น มีความรู้เกี่ยวกับการปกครองใน
ระบอบประชาธิปไตย ตระหนักในศักยภาพของตนเอง และตระหนักในความสำคัญของการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตย ส่วนพลเมืองที่กระตือรือร้นนั้นในที่นี้แบ่งเป็นสองแบบคือแสดงออกทางสังคม เช่นเข้าร่วมกลุ่ม
ทางสังคมและให้ความร่วมมือกับกิจกรรมพัฒนาชุมชนต่างๆ และการแสดงออกทางการเมืองเช่นการไป
เลือกตั้ง การรณรงค์ทางการเมือง และการร้องเรียนเมื่อพบความไม่ปกติต่างๆ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เพื่อให้
สามารถวัดผลเชิงประจักษ์ได้ ในที่นี้ผู้เขียนได้กำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จของการเป็นพลเมืองตระหนักรู้และ
พลเมืองกระตือรือร้นไว้ 5 ด้านด้วยกันคือ 1) rule making เช่น แผนชุมชน แผนตำบล ธรรมนูญหมู่บ้านและ
กติกาชุมชน 2) rule applicationมีการประยุกต์ใช้ความรู้ที่ได้รับจากการอบรมเพื่อแก้ไขปัญหาและพัฒนา
ชุมชน 3) projects/activities การจัดทำข้อเสนอนโยบายสาธารณะเสนอแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไข
ปัญหาต่อไปหรือรวมกันเพื่อแก้ไขปัญหาและพัฒนาชุมชนด้วยตนเองผ่านโครงการและกิจกรรมต่างๆ 4) ชุมชน
สามัคคียิ่งขึ้น และ 5) ชุมชนมีความเข้มแข็งเป็นที่ประจักษ์แก่หน่วยงานอื่นๆนอกชุมชน
จากคำอธิบายข้างต้น เป็นความพยายามของผู้เขียนในการพยายามพัฒนากรอบการวิจัยสำหรับการ
ประเมินความเป็นพลเมืองที่เกิดขึ้นภายหลังจากการดำเนินโครงการปฏิบัติการเสริมสร้างพลังพลเมือง โดย
นำเอากรอบการอธิบายทฤษฎีระบบการเมืองและวัฒนธรรมทางการเมืองมาเป็นกรอบในการอธิบายหลัก
เพื่อให้เห็นขั้นตอนในการสร้างความเป็นพลเมืองของสถาบันพระปกเกล้า ตั้งแต่ส่วนของปัจจัยนำเข้า
กระบวนการสร้างพลเมือง สภาพแวดล้อมทางด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับ
ประชากร ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่ามีความเป็นพลเมืองตระหนักรู้และกระตือรือร้นตามนิยามที่กำหนดไว้หรือไม่
โดยผู้วิจัยเลือกที่จะนำเอากรอบการอธิบายเรื่องวัฒนธรรมการเมืองและแรงจูงใจทางการเมืองมาอธิบาย
ร่วมกันในฐานสภาพแวดล้อมทางการเมืองอีกประการหนึ่งที่อาจส่งผลเป็นการสนับสนุนหรือขัดขวางต่อการ
โดยกรอบการวิจัยที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมาสำหรับใช้ศึกษาในรายงานฉบับโดยเฉพาะนั้น เป็นไปตามแผนภาพ
ด้านล่าง
39