Page 61 - 21736_Fulltext
P. 61
40
การแยกไกล่เกลี่ย อาจมีหรือไม่มีก็ได้ คนกลางอาจใช้การแยกไกล่เกลี่ยเมื่อคู่กรณีเกิด
การโต้เถียงกันมากขึ้น หรือคนกลางอาจต้องการได้ข้อมูลในเชิงลึก หรือเห็นว่าอาจถึงทางตันในการ
จัดการปัญหา หรือคู่กรณีส่งสัญญาณว่าต้องการแยกการพูดคุย การแยกไกล่เกลี่ยจะทำให้ได้ข้อมูล
ความรู้สึก จากคู่กรณีอย่างลึกซึ้ง คู่กรณีจะกล้าพูดความจริง พูดถึงในสิ่งที่จะไม่พูดเมื่ออยู่กับอีกฝ่าย
เป็นโอกาสอันดีในการที่คนกลางจะได้รับฟังข้อมูลที่รอบด้านและลุ่มลึก และประเมินว่าจะหาทางออก
ร่วมกันอย่างไรต่อไป การจะคุยกับฝ่ายใดก่อนหลังไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว แต่อาจพิจารณาคุยกับฝ่ายที่
ยืดหยุ่นน้อยกว่า หรือคุยกับฝ่ายที่มีอารมณ์ที่ไม่พอใจก่อน แต่ควรให้เวลาเท่าๆ กัน ควรเน้นถึงการ
รักษาความลับที่จะไม่เปิดเผยให้อีกฝ่ายรับรู้ในบางประเด็น รวมถึงทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกว่าคนกลางมี
ความเป็นกลางจริงๆ เมื่อคู่กรณีได้คุยแยกกันแล้ว ขั้นตอนอีกขั้นคือกลับมาไกล่เกลี่ยร่วมกัน
4. การสร้างทางเลือกในการแก้ไขความขัดแย้ง
เมื่อคนกลางเข้าใจถึงประเด็น ปัญหาความต้องการที่แท้จริงของแต่ละฝ่ายแล้ว จึง
ค่อยๆสร้างและรวบรวมทางเลือกเพื่อเป็นทางออกให้กับคู่กรณี มีหลายๆทางเพื่อบรรลุเป้าหมาย การ
สร้างทางเลือกต้องเป็นทางเลือกที่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น อาจใช้วิธีการระดมสมองเพื่อให้คำตอบมาก
ที่สุด โดยไม่วิจารณ์ความคิดของคนอื่นว่าดีหรือไม่ดี และให้หลักประกันว่าทุกความเห็นจะได้รับฟัง
จากที่ประชุม หรือใช้เอกสารการไกล่เกลี่ยฉบับเดียวโดยให้แต่ละฝ่ายได้ปรับปรุงแก้ไข แม้กระทั่งใช้
ผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกช่วยนำเสนอทางเลือกให้ถ้าหากคู่กรณียินยอม
5. การประเมินทางเลือกสำหรับการแก้ไขปัญหา
แนวทางต่างๆที่ได้มาจากการระดมความคิดเห็น จะนำมาสู่การพิจารณาร่วมกัน แต่
ควรเข้าใจว่าคู่กรณีจะมีจุดเน้นที่ต้องการได้มากที่สุด รวมถึงจุดที่จะเลิกไกล่เกลี่ยหรือไม่ยอมรับการ
ไกล่เกลี่ยต่อไปแตกต่างกัน คนกลางจึงนำความต้องการที่ดีที่สุดที่คู่กรณีพึงพอใจ และจุดที่จะเลิก
เจรจาของคู่กรณีมาลองเทียบเคียงกันดู แล้วหาจุดที่พึงพอใจร่วมกัน เพราะหลายๆครั้งคู่กรณีคิดว่าได้
ข้อตกลงร่วมกันบ้างดีกว่าไม่มีข้อตกลงใดๆเลยและต้องยุติการไกล่เกลี่ยไป การประเมินทางเลือกนั้น
ขอให้คู่กรณีเลือกทางเลือกที่เป็นไปได้มากที่สุด โดยขอให้นึกถึงอีกฝ่ายด้วยว่าจะตกลงด้วยหรือไม่ ก็
จะได้ทางเลือกที่เป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย โดยคำนึงถึงหลักเกณฑ์ที่ยอมรับร่วมกันที่สมเหตุสมผล
ขั้นตอนนี้จึงเป็นการเลือกอย่างมีเหตุผล เน้นการ “แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง” ไม่ควร “แสวงจุดต่าง
สงวนจุดร่วม” นพพร โพธิรังสิยากร (2555) เห็นว่าเมื่อได้ทางเลือกต่างๆ แล้วต้องมีการตรวจสอบ
ทางเลือกว่าคู่กรณีรู้ข้อเท็จจริงครบถ้วนเท่ากันหรือไม่ โดยไม่มีการปกปิดข้อมูลฝ่ายตนเอาไว้เพื่อความ
ได้เปรียบ โดยยกตัวอย่าง คำถามที่ว่า ถ้าคุณซื้อของในราคา 200 บาท ต่อมาทราบว่าบุคคลอื่นซื้อ
ของชนิด ขนาด ปริมาณเดียวกันได้ในราคา 10 บาท เราจะโกรธแค้นหรือไม่ที่ถูกหลอก