Page 39 - kpiebook62001
P. 39
หรือบริการบางชนิดที่คนจนมักจะบริโภค ก็ยังอาจส่งผลให้การใช้สินค้าหรือบริการนั้นเกิดขึ้นในปริมาณที่มากเกินความ
เหมาะสม
ต้นทุนส่วนตัวกับผู้รับสวัสดิการ ยังเกิดขึ้นได้กับผู้ที่รับสวัสดิการแบบเจาะจงในสองกรณี ในกรณีแรก ผู้ที่ได้รับ
สวัสดิการแบบเจาะจงมักจะต้องสูญเสียโอกาสและเวลาเพื่อให้ได้รับสวัสดิการ ในกรณีของสวัสดิการที่เจาะจงผ่านการ
วัดฐานะทางเศรษฐกิจ การเข้ารับการคัดเลือกเพื่อให้ได้รับสวัสดิการท าให้ต้องสูญเสียเวลาและต้นทุนต่าง ๆ ในการหา
หลักฐานมาเพื่อยืนยันฐานะ ส าหรับกรณีของการเจาะจงสวัสดิการด้วยวิธีการให้ประชาชนเลือกรับบริการเอง การต้อง
เสียเวลาต่อคิวในการได้รับสวัสดิการ รวมไปถึงการต้องยอมรับบริการที่คุณภาพด้อยกว่า ก็ล้วนแต่เป็นต้นทุนที่เกิด
ขึ้นกับคนจน กรณีที่สองที่ต้นทุนสามารถเกิดขึ้นได้กับผู้ได้รับสวัสดิการก็คือกรณีที่สวัสดิการนั้นท าให้เกิดการตีตรา
(stigmatisation) กับผู้ได้รับ การได้รับสวัสดิการส าหรับคนจนอาจสร้างความรู้สึกอับอายและความรู้สึกด้อยค่าในหมู่คน
ที่เข้าร่วมโครงการ (Sen 1995) โดยฉพาะในกรณีที่สวัสดิการส าหรับคนจนนั้นถูกมองว่าเป็นการให้การสงเคราะห์ให้กับ
คนที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ในบริบทที่การตีตรากลายเป็นบรรทัดฐานของสังคม ก็อาจส่งผลให้คนที่ยากจนไม่ยอมเข้า
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการได้รับสวัสดิการตั้งแต่แรก ท าให้กระบวนการเจาะจงต้องขาดความแม่นย าไปด้วย
ต้นทุนจากการลดการสนับสนุนระบบสวัสดิการทั งหมด เป็นต้นทุนประการสุดท้ายที่ควรค านึง การให้
สวัสดิการเฉพาะกับคนจนอาจท าให้คนกลุ่มอื่น ๆ ในสังคมไม่รู้สึกว่าตนเองได้รับประโยชน์ใด ๆ จากระบบสวัสดิการ
และส่งผลให้คนเหล่านั้นไม่สนับสนุนระบบสวัสดิการ ในกรณีที่คนชั้นกลางและคนชั้นสูงเป็นกลุ่มที่รู้สึกว่าตนเองไม่รับ
ประโยชน์ใด ๆ พวกเขาอาจรู้สึกว่าต้องจ่ายภาษีเพื่อช่วยเหลือคนจนโดยที่ตนเองไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ กลับมา เมื่อเป็น
เช่นนี้ การสนับสนุนทางการเมืองของระบบสวัสดิการอาจลดลงจนท าให้ขนาดของระบบสวัสดิการลดลงไปด้วย และอาจ
ท าให้โครงการสวัสดิการแบบเจาะจงที่คนจนเองขาดความยั่งยืนเนื่องจากได้รับงบประมาณไม่เพียงพอ (Dutrey, 2007)
2.3.2 ข้อผิดพลาดในการเจาะจง
ด้วยความยากล าบากของกระบวนการเจาะจงให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง การให้สวัสดิการแบบเจาะจงจึงมักจะเลี่ยง
ไม่ได้ที่จะต้องพบกับข้อผิดพลาดที่ส าคัญสองประการ ประการแรกก็คือการที่ผู้ที่ไม่ควรได้รับสวัสดิการกลับถูกรวมเข้ามา
ในกลุ่มที่ได้รับ ความผิดพลาดในลักษณะนี้เรียกว่าความผิดพลาดในการนับรวม (inclusion error) ความผิดพลาดใน
การเจาะจงประการที่สองก็คือการที่ผู้ที่ควรได้รับสวัสดิการกลับไม่ได้รับ หรือที่เรียกว่าความผิดพลาดในการกีดกัน
(exclusion error)
ความผิดพลาดในการนับรวมคนที่ไม่ควรได้รับสวัสดิการ (inclusion error) เป็นสิ่งที่ท าให้เกิดการสูญเสีย
งบประมาณ และอาจท าให้นโยบายถูกโจมตีจากสาธารณชนได้ถึงความบกพร่องในการด าเนินการ ความผิดพลาดใน
ลักษณะนี้เกิดขึ้นได้จากกระบวนการคัดกรองที่ไม่เข้มข้นพอ เช่น การมีช่องโหว่ในการหาหลักฐานเพื่อตรวจสอบฐานะ
ของผู้ที่ต้องการได้รับสวัสดิการ อย่างไรก็ตาม ความผิดพลาดในการกีดกันคนที่ควรได้รับสวัสดิการออก (exclusion
error) ก็ท าให้เกิดการสูญเสียได้ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะกรณีที่คนและครอบครัวที่ต้องการสวัสดิการช่วยเหลือนั้นอาจก าลัง
ต้องประสบภาวะวิกฤตในชีวิต แต่กลับไม่ได้รับสวัสดิการช่วยเหลือใด ๆ
30