Page 100 - kpiebook65020
P. 100

61

                                                                                     รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์
                                     โครงการวิจัยเรื่อง “องค์ความรู้และเครื่องมือส าหรับการตรวจสอบความจ าเป็นในการตรากฎหมาย”


                              ก่อนการตรากฎหมายทุกฉบับ รัฐพึงจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง วิเคราะห์
               ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายอย่างรอบด้านและเป็นระบบ รวมทั้งเปิดเผยผลการรับฟังความคิดเห็น
               และการวิเคราะห์นั้นต่อประชาชน และน ามาประกอบการพิจารณาในกระบวนการตรากฎหมายทุกขั้นตอน
               เมื่อกฎหมายมีผลใช้บังคับแล้ว รัฐพึงจัดให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายทุกรอบระยะเวลาที่ก าหนด

               โดย รับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องประกอบด้วย เพื่อพัฒนากฎหมายทุกฉบับให้สอดคล้องและเหมาะสม
               กับบริบทต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป

                              รัฐพึงใช้ระบบอนุญาตและระบบคณะกรรมการในกฎหมายเฉพาะกรณีที่จ าเป็น พึงก าหนด
               หลักเกณฑ์การใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ของรัฐและระยะเวลาในการด าเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่บัญญัติไว้
               ในกฎหมายให้ชัดเจน และพึงก าหนดโทษอาญาเฉพาะความผิดร้ายแรง”

                                                                                                    101
                              มาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มีเจตนารมณ์  ใน
               การก าหนดกรอบและหลักการส าคัญในการตรากฎหมาย ตามแนวคิดที่ว่าไม่ควรมีกฎหมายเกินความจ าเป็น
               และสร้างหลักประกันให้ประชาชนมีส่วนร่วมและรับรู้ด้วยตั้งแต่ต้น  เนื่องจากในการตรากฎหมายของฝ่ายนิติ
               บัญญัตินั้น โดยหลักทั่วไปจะมีกรอบอยู่เพียงว่าจะต้องไม่ตรากฎหมายที่ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของ
               รัฐธรรมนูญ สิ่งใดที่ไม่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญรัฐย่อมออกกฎหมายมาบังคับใช้กับประชาชนได้เสมอ


                              มาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มีหลักการที่ส าคัญและ
               แนวทางในการด าเนินการดังนี้

                              (1) หลักการส าคัญของมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560

                              บทบัญญัติมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้วาง
                                       102
               หลักการส าคัญไว้ 8 ประการ  โดยพิจารณาตามโครงสร้างบทบัญญัติของมาตรา 77 ได้ดังนี้
                              1) มาตรา 77 วรรคหนึ่ง “รัฐพึงจัดให้มีกฎหมายเพียงเท่าที่จ าเป็นและยกเลิกหรือปรับปรุง
               กฎหมายที่หมดความจ าเป็นหรือไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ หรือที่เป็นอุปสรรคต่อการด ารงชีวิตหรือการ

               ประกอบอาชีพโดยไม่ชักช้าเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชนและด าเนินการให้ประชาชนเข้าถึงตัวบทกฎหมาย
               ต่าง ๆ ได้โดยสะดวกและสามารถเข้าใจกฎหมายได้ง่ายเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง” มีหลักการ
               ส าคัญดังต่อไปนี้

                                     (1.1) หลักการประการแรกที่ส าคัญที่สุด คือ การก าหนดให้รัฐพึงมีกฎหมายเพียง
               เท่าที่จ าเป็น สิ่งใดที่สามารถด าเนินการได้โดยไม่จ าเป็นต้องมีกฎหมาย ก็ควรเลือกใช้วิธีนั้นก่อน เพราะเมื่อตรา

               เป็นกฎหมายแล้ว ย่อมจะต้องมีบทบังคับอย่างเข้มงวด และสร้างภาระให้เกิดกับประชาชนขึ้นในทันทีที่มีการ
               ตรากฎหมายนั้น อย่างไรจึงจะถือว่ามีความจ าเป็น ต้องพิจารณาเป็นเรื่อง ๆ ไปตามแนวทางที่ศาลรัฐธรรมนูญ
               จะวินิจฉัย และวางหลักอย่างค่อยเป็นค่อยไป

                                     (1.2) เมื่อก าหนดให้มีการตรากฎหมายใหม่เท่าที่จ าเป็นแล้ว รัฐจะต้องย้อนกลับไป

               พิจารณากฎหมายที่ใช้บังคับอยู่แล้วว่าหมดความจ าเป็นหรือไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ หรือเป็นอุปสรรคต่อ

               101
                  ส านักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ความมุ่งหมายและค าอธิบายประกอบรายมาตราของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร
               ไทย พุทธศักราช 2560, (พฤษภาคม 2560), น.120.
               102  เพิ่งอ้าง, น.121-122.
   95   96   97   98   99   100   101   102   103   104   105