Page 95 - kpiebook65020
P. 95

56

                                                                                     รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์
                                     โครงการวิจัยเรื่อง “องค์ความรู้และเครื่องมือส าหรับการตรวจสอบความจ าเป็นในการตรากฎหมาย”


                              (1) ลักษณะของปัญหาที่ท าให้มีความจ าเป็นต้องตรากฎหมายมีความชัดเจนและครบถ้วน
               หรือไม่ ทั้งนี้จะต้อง มีการให้รายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะและระดับของความรุนแรงของปัญหา รวมทั้งเหตุผล
               ที่ท าให้เกิด ปัญหาดังกล่าว

                              (2) การเข้าแทรกแซงของภาครัฐเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งสามารถประเมินได้จากลักษณะของ

               ปัญหาตามข้อแรก ผลประโยชน์และต้นทุนของการแทรกแซงของรัฐ และ ทางเลือกอื่น ๆ ในการแก้ไขปัญหา
                              (3) การออกกฎหมายเป็นวิธีที่ดีที่สุดของการแทรกแซงของภาครัฐหรือไม่ ทั้งนี้ควรจะมีการ

               ประเมินผล ประโยชน์และต้นทุนของวิธีการแทรกแซงของรัฐอื่น ๆ เพื่อเปรียบเทียบ เช่น การเก็บภาษีการใช้
               ถนน ในช่วงจราจรแออัดแทนการห้ามรถที่มีจ านวนผู้นั่งน้อยกว่า 2 คนใช้ถนนในช่วงแออัด เป็นต้น การ
               เปรียบเทียบระหว่างทางเลือกต่าง ๆ ควรรวมถึง ขนาดและการกระจายตัวของผลประโยชน์ต้นทุน ที่เกิด จาก

               กฎระเบียบ และกลไกทางปกครองที่ต้องรองรับการบังคับใช้กฎระเบียบดังกล่าว
                              (4) กฎระเบียบสอดคล้องกับกฎระเบียบอื่น ๆ หรือไม่ เช่น กฎหมายที่ประเทศผูกพันไว้กับ

               องค์การนานาชาติ หรือในสัญญาการค้า กฎหมายว่าด้วยวิธีการปกครอง กฎหมายว่าด้วยการเปิดเผยข้อมูล
               ของภาครัฐ ฯลฯ ในกรณีที่เป็นอนุบัญญัติต้องพิจารณาว่ากฎหมายแม่บทได้ให้อ านาจหรือไม่ รวมทั้งกฎหมาย
               ต้องพิจารณา ว่าความสอดคล้องในการออกกฎหมายอยู่บนพื้นฐานของข้อบังคับของกฎหมายหรือไม่

                              (5) หน่วยงานภาครัฐในระดับใดที่มีความเหมาะสมในการรับผิดชอบการด าเนินงานนี้ ในกรณี

               ที่มีหน่วยงาน ทั้งในส่วนกลางและในระดับท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง ควรมีการออกแบบวิธีการในการประสานงาน
               ร่วมกันด้วย

                              (6) ผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการออกกฎหมายเหมาะสมกับต้นทุนในการออกกฎหมาย
               หรือไม่ โดยการ ค านวณผลประโยชน์และต้นทุนในการออกกฎระเบียบที่เสนอเปรียบเทียบกับทางเลือกอื่น ๆ

                              (7) มีการประเมินผลกระทบต่อกลุ่มบุคคลต่าง ๆ ในเศรษฐกิจและสังคมที่โปร่งใสหรือไม่
               ทั้งนี้กฎระเบียบของ ภาครัฐย่อมส่งผลให้กลุ่มบุคคลหรือธุรกิจบางกลุ่มได้ประโยชน์ในขณะที่บางกลุ่มเสีย

               ประโยชน์จึงควรที่จะมีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับกลุ่มบุคคลหรือธุรกิจที่ได้หรือเสียประโยชน์จาก
               กฎระเบียบต่อ สาธารณชน

                              (8) ข้อบัญญัติของกฎหมายมีความชัดเจน สอดคล้องกัน เข้าใจง่ายส าหรับผู้ใช้กฎหมายและ
               ประชาชนหรือไม่ ซึ่งหน่วยงานที่เสนอกฎระเบียบควรประเมินด้วยว่าผู้ใช้กฎหมายมีความเข้าใจในข้อบัญญัติ
               ของกฎหมาย หรือไม่

                              (9) ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนมีโอกาสแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกฎหมายนั้นหรือไม่

               ข้อบัญญัติของกฎหมาย ควรได้รับการพัฒนาอย่างโปร่งใสจากการมีกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนที่
               เกี่ยวข้อง อาทิภาค ธุรกิจ สหภาพการค้า หน่วยราชการในระดับต่าง ๆ เป็นต้น

                              (10) กลยุทธ์และขั้นตอนที่จะบังคับใช้กฎหมายในทางปฏิบัติให้ประสบผลส าเร็จเป็นอย่างไร
               หน่วยงานที่เสนอ กฎระเบียบควรศึกษาวิเคราะห์ถึงการใช้ประโยชน์จากองค์กรที่เกี่ยวข้องและกลไกที่สร้าง
               แรงจูงใจ เพื่อที่จะให้การบังคับใช้กฎระเบียบมีประสิทธิภาพในทางปฏิบัติ


                              หลักเกณฑ์การวิเคราะห์ผลกระทบในการออกกฎหมายของประเทศในกลุ่ม OECD  จะ
               น ามาใช้กับกฎหมายทั้งในระดับพระราชบัญญัติหรือรัฐบัญญัติ กฎหมายล าดับรอง รวมทั้งกฎเกณฑ์อื่น ๆ ที่มี
   90   91   92   93   94   95   96   97   98   99   100