Page 145 - kpiebook65020
P. 145
106
รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์
โครงการวิจัยเรื่อง “องค์ความรู้และเครื่องมือส าหรับการตรวจสอบความจ าเป็นในการตรากฎหมาย”
- ต้องไม่ขัดหรือแย้งต่อหลักการส าคัญที่รัฐธรรมนูญรับรอง เช่น หลักนิติธรรม หลักคุ้มครอง
ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือหลักความเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญ เป็นต้น
- ต้องสอดคล้องกับหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
- ต้องสอดคล้องและปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
- ต้องยึดหลักความพอสมควรแก่เหตุ และหลักความได้สัดส่วนระหว่างประโยชน์ที่ส่วนรวม
จะได้รับกับสิทธิและเสรีภาพและประโยชน์ที่บุคคลต้องเสียไป
- ต้องยึดหลักความเสมอภาคและต้องไม่เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม
(3) หน่วยงานของรัฐต้องจัดท าแนวทางปฏิบัติในการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ของรัฐตามหลักเกณฑ์ที่
ก าหน ให้ทันสมัยอยู่เสมอและเผยแพร่ให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป เพื่อให้การใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่
ของรัฐมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ทั้งนี้ แนวทางปฏิบัติในการใช้ดุลพินิจดังกล่าวมิให้ใช้บังคับในทางที่
เป็นผลร้ายแก่บุคคลจนกว่าจะมีการเผยแพร่ให้ประชาชนทราบ
อย่างไรก็ดี หลักเกณฑ์ข้างต้นจะไม่ใช้บังคับแก่การใช้ดุลพินิจในการด าเนินงานตามกระบวนการ
ยุติธรรมและการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล การพิจารณาสั่งคดีของพนักงานอัยการ และการด าเนินงาน
ของเจ้าหน้าที่ในกระบวนการสอบสวน ไต่สวน การบังคับคดี และการวางทรัพย์
2.6.5 การก าหนดโทษอาญาเฉพาะความผิดร้ายแรง
ในปัจจุบันการใช้ประโยชน์จากโทษอาญาที่ก าหนดไว้กฎหมายต่าง ๆ โดยส่วนใหญ่มีความไม่
สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย เนื่องจากการก าหนดโทษอาญาบางประเภทไม่สมควรเป็นโทษอาญา
162
ท าให้เกิดปรากฏการณ์กฎหมายอาญาเฟ้อ หรือ Overcriminalisation รวมไปถึงการก าหนดอัตราโทษไม่ได้
สัดส่วนกับการกระท าผิด หรือในกฎหมายบางเรื่องมีการน าโทษอาญามาใช้โดยไม่เหมาะสมกับลักษณะ
163
ความผิด ซึ่งท าให้เกิดผลกระทบ เช่น
(1) กฎหมายอาญาขาดประสิทธิภาพในการบังคับใช้กับพฤติกรรมที่เป็นภัยคุกคามอย่างแท้จริง
(2) ปัญหาการบริหารงานด้านกระบวนการยุติธรรมทางอาญาซึ่งมีปริมาณงานคดีเพิ่มขึ้นเป็นจ านวน
มาก ต้องใช้บุคลากร งบประมาณ ตลอดจนเครื่องมืออ านวยความสะดวกเป็นจ านวนมาก ส่งผลให้รัฐต้อง
สูญเสียงบประมาณแผ่นดินเพิ่มมากขึ้น
162
S.H. Kadish, “The Crisis of Overcriminalisation,” (1968) American Criminal Law Quaterly 7:24.
163 เช่น การน าโทษอาญามาใช้กับความผิดเกี่ยวกับการควบคุมทางเศรษฐกิจ หากก าหนดลักษณะการกระท าที่เป็นความผิดไว้
ไม่ชัดเจน อาจท าให้เกิดความไม่ยุติธรรมต่อผู้กระท าผิด เนื่องจากการการกระท าทางเศรษฐกิจล้วนผูกโยงกับผลก าไรทางธุรกิจ
จึงจ าเป็นต้องแยกแยะระหว่างการกระท าด้วยเจตนาที่ผิดกฎหมายและการกระท าธรรมดาทางเศรษฐกิจให้ชัดเจน การท า
ความผิดทางอาญาในกฎหมายที่เกี่ยวกับการควบคุมทางเศรษฐกิจจึงต้องมีนัยทางศีลธรรมเพียงพอ
see S.H. Kadish, “Some Observations on the Use of Criminal Sanctions in Enforcing Economic
Regulations,” (1963) The University of Chicago Law Review, 3:30.A” Ashworth, “Conceptions of
OVercriminalisation,” (2008) Ohio State of Criminal Law 5:4-7, 418-424.