Page 202 - kpiebook65020
P. 202
163
รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์
โครงการวิจัยเรื่อง “องค์ความรู้และเครื่องมือส าหรับการตรวจสอบความจ าเป็นในการตรากฎหมาย”
ผลกระทบต่อมิติบางมิติของสังคมโดยจะเป็นมิติใดบ้างขึ้นอยู่กับการให้ความหมายในแต่ละประเทศแต่โดยทั่ว
19
มักจะรวมถึงมิติทางเศรษฐกิจ สังคม เพศ สุขภาพ สิ่งแวดล้อมและการกระจายรายได้ของรัฐ
RIA นั้นไม่ได้มีรูปแบบหรือทฤษฎีที่ตายตัวแต่เป็นการบูรณาการความรู้เครื่องมือวิเคราะห์จาก
20
หลากหลายศาสตร์เข้าด้วยกันเพื่อน าเสนอปัญหา ทางเลือกในการแก้ปัญหาและวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของการ
แก้ปัญหาในแต่ละวิธี RIA ส่งเสริมการออกแบบกฎหรือนโยบายที่มีการสนับสนุนด้วยเหตุผลเชิงประจักษ์ผ่าน
21
การศึกษาวิจัยและการสอบถามผู้มีส่วนได้เสียกับกฎหรือนโยบายดังกล่าว โดยจุดมุ่งหมายที่ส าคัญที่สุดของ
RIA นั้นไม่ใช่การลดการออกกฎหมายเสียอย่างเดียว แต่เพื่อให้แน่ใจว่ากฎหมายที่ออกมาจะส่งผลดีต่อสังคม
โดยรวมมากกว่าผลเสีย ดังนั้นแล้วการจัดท า RIA มิได้สร้างกฎหมายที่ดีที่สุดแต่จะน าไปสู่การออกกฎหมายที่มี
22
ผลดีมากกว่าผลเสีย ผลเสียที่เกิดขึ้นนั้นก็ควรได้รับการบรรเทาหรือเยียวยา ไปพร้อมๆกันด้วย
1.1.3.1 ความหมายและหลักการ
OECD ได้ให้ความหมายของ RIA ว่าเป็นกระบวนที่ใช้ระบุและประเมินผลกระทบจากการ
ออกกฎอย่างเป็นระบบ โดยต้องมีการใช้วิธีการในการวิเคราะห์ เช่น การวิเคราะห์ต้นทุน อย่างต่อเนื่อง โดย
RIA นั้นคือกระบวนการเปรียบเทียบระหว่างเป้าหมายที่รัฐต้องการแทรกแซงกับนโยบายทางเลือกต่าง ๆ ที่ใช้
ในการบรรลุเป้าหมายนั้น นโยบายทางเลือกทั้งหมดนั้นต้องถูกวิเคราะห์ประเมินด้วยวิธีการเดียวกันและผู้ออก
23
กฎต้องทราบถึงผลการวิเคราะห์ทั้งหมดก่อนจะตัดสินอย่างเป็นระบบเพื่อเลือกเฟ้นหานโยบายที่มีดีที่สุด
กล่าวโดยย่อ RIA คือ กระบวนการวิเคราะห์ถึงประสิทธิภาพและความคุ้มทุนในการออกกฎ RIA เป็นเครื่องมือ
ที่ช่วยในการตัดสินใจอย่างเป็นระบบถึงประสิทธิภาพและความจ าเป็นในการออกกฎ ดังนั้น ผลของการ
ประเมิน RIA อาจไม่ได้น าไปสู่ข้อสรุปของการออกหรือไม่ออกกฎใดกฎหนึ่งโดยตรง แต่เพียงช่วยในการ
ตัดสินใจออกกฎเท่านั้น ดังที่มีผู้สังเกตไว้ว่า “สิ่งส าคัญที่สุดที่ท าให้การตัดสินใจของรัฐบาลมีคุณภาพนั้นไม่ได้
ความแม่นย าของการคิดค านวณแต่เป็นการถามค าถามที่ถูกต้อง การเข้าใจผลกระทบในความเป็นจริงและการ
24
ค้นหาข้อสันนิษฐาน ” เพราะฉะนั้นความส าคัญของ RIA จึงไม่ได้อยู่ที่ผลการคิดวิเคราะห์แต่อยู่ที่ขั้นตอนการ
19 Claire Dunlop and Claudio Radaelli, Handbook of Regulatory Impact Assessment, (Cheltenham: Edward
Elgar Publishing,2016 ), p.14
20 กิตติพงศ์ แนวมาลี, “การวิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐศาสตร์และทางสังคม,” ในการบรรยาย หลักสูตรวุฒิบัตรการ
วิเคราะห์ผลกระทบในการตรากฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายประจ าปี พ.ศ. 2563, จัดโดยสถาบัน
พระปกเกล้า, กรุงเทพ, 2563.
21
Enabling Environment for Sustainable Enterprises, “How to use EESE toolkits,” Enabling Environment for
Sustainable Enterprises, accessed 11 September 2020, from http://eese-toolkit.itcilo.org/index.php/en/
toolkit /how-to-use-the-toolkit.html.
22 สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย, “โครงการศึกษาวิจัย เรื่อง การวิเคราะห์ผลกระทบในการออกกฎหมาย,”กอง
พัฒนากฎหมาย ส านักงานกฤษฎีกา (2557) สืบค้นเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2563, จาก https://www.lawreform.go.th
/uploads /files/1574751600-5lkm1-ee09v.pdf น. 3.
23
OECD, “Introductory Handbook for Undertaking Regulatory Impact Analysis (RIA),” OECD, (2008)
accessed 11 September 2020, from https://www.oecd.org/gov/regulatory-policy/4478 94 72.pdf p.3.
24
สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย, อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 21, น.21.