Page 206 - kpiebook65020
P. 206
167
รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์
โครงการวิจัยเรื่อง “องค์ความรู้และเครื่องมือส าหรับการตรวจสอบความจ าเป็นในการตรากฎหมาย”
ประชาชนหรือไม่ แนวคิดดังกล่าวสอดคล้องกับแนวคิดการจัดท าการวิเคราะห์ต้นทุน (Cost-Benefit
Analysis)
OECD ระบุว่าขั้นตอนในการจัดท า RIA นั้นสามารถแบ่งได้เป็นสองขั้นใหญ่ นั้นคือ ขึ้น
ประเมินความจ าเป็นในการออกกฎหมายและขั้นประเมินความคุ้มค่าของกฎหมายเมื่อได้เปรียบเทียบ
ผลกระทบของกฎหมายกับนโยบายทางเลือกอื่น ๆเพื่อน าไปสู่การตัดสินใจว่าทางเลือกใดจะมีประสิทธิภาพ
สูงสุด โดย OECD มีข้อเสนอในการวางแผนการจัดท า RIA เป็นขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. ก าหนดความหมายและวัตถุประสงค์ของนโยบาย โดยการก าหนดความหมายและ
วัตถุประสงค์ ควรมีการศึกษาถึงปัญหาและสภาพแวดล้อมของปัญหาอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะมีการก าหนด
ความหมายและวัตถุประสงค์ที่เป็นระบบและเชื่อมโยงกัน โดยควาหมายและวัตถุประสงค์จะต้องน าไปสู่
ค าอธิบายว่าท าไมภาครัฐจึงต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการและแก้ไขปัญหา
2. ก าหนดและให้ค านิยามกับทางเลือกในการด าเนินการ โดยตัวเลือกควรมีทั้งตัวเลือกที่
เกี่ยวข้องกับการใช้กฎและตัวเลือกที่ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้กฎ ตัวเลือกทั้งหมดจะต้องมีหลักฐานสนับสนุนว่าจะ
น าไปสู่จุดประสงค์ที่ถูกก าหนดไว้ในขั้นแรกได้
3. เก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ ต้นทุนและผลกระทบที่เกิดจากทางเลือกแต่ละ
ทาง
4. พัฒนาวิธีการควบคุมการบังคับใช้และสร้างแรงจูงใจในการท าตามทางเลือกแต่ละทาง โดย
จ าเป็นวิเคราะห์ถึงประสิทธิภาพของการบังคับใช้และการสร้างแรงจูงใจด้วย
5. คิดหาวิธีการควบคุมการด าเนินการตามทางเลือกแต่ละทางรวมเพื่อให้นโยบายถูกน าไปใช้
ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
6. ในระหว่างการด าเนินการจัดท า RIA ควรมีการรับฟังความคิดจากสาธารณะอยู่เสมอ และ
ควรเปิดกว้างให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาร่วมพัฒนาและออกแบบทางเลือกและวิเคราะห์ทางเลือก เนื่องจาก
ข้อมูลที่ได้มาจากการรับฟังความคิดนั้นจะเป็นฐานข้อมูลส าคัญในการจัดท า RIA และในขณะเดียวกันแนวคิด
และความเข้าใจของผู้มีส่วนได้เสียจะช่วยตรวจสอบเหตุผลและความถูกต้องของการวิเคราะห์ RIA จากมุมมอง
ของผู้ออกกฎได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นแล้วการท า RIA ที่ดีจึงควรจัดท าและแก้ไปเรื่อย ๆ พร้อม ๆ กับการรับฟัง
ความคิดเห็นแทนที่จะรับฟังความคิดเห็นหลังจัดท า RIA เสร็จเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ดี OECD ตั้งข้อสังเกตว่า เพื่อให้การใช้ RIA มีประสิทธิภาพสูงสุด การจัดท ารายงาน
จะต้องมีการวิเคราะห์อย่างจริงจัง มีการให้เหตุผลเชิงประจักษ์ (evidence-based)และค านึงถึงหลักปฏิบัติที่
สอดคล้องกับความเป็นจริง ยิ่ง RIA สามารถวิเคราะห์และท านายผลลัพธ์ในการด าเนินการของกฎหรือนโยบาย
ได้แม่นย า การใช้งาน RIA จะยิ่งน าไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกฎหรือนโยบายมากขึ้นเท่านั้น
นอกจากคุณภาพของตัวเนื้อหาแล้ว รายงาน RIA ควรสอดคล้องไปเป็นส่วนหนึ่งกับวัฎจักรของนโยบาย
(policy cycle) เพื่อให้ RIA ได้ถูกน าไปใช้ในฐานะข้อมูลเพิ่มเติมที่ช่วยการตัดสินใจด าเนินนโยบายอย่างแท้จริง
ที่ส าคัญที่สุด การจัดท ารายงาน RIA ไม่ควรถูกมองว่าเป็นรายงานชิ้นนึงที่องค์กรผู้ด าเนินนโยบายต้องเขียนเพื่อ
ตอบสนองความถูกต้องเชิงรูปแบบ แม้ผลลัพธ์สุดท้ายของ RIA จะเป็นเพียงรายงานชิ้นหนึ่งแต่แท้จริงแล้วคือ
กระบวนการในการตัดสินใจกระบวนหนึ่งที่ส าคัญจ าเป็นในวัฎจักรของนโยบายและในท้ายที่สุดการจัดท า RIA