Page 123 - kpiebook65037
P. 123

122  ตัวชี้วัดหลักคุณธรรม



          กลับเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกเป็นสิ่งเดียวกัน คือ เป็นวัตถุเหมือนกันหมด

          และเพราะฉะนั้นจึงเรียกร้องระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
          แบบมีตัวแทน (สมบัติ จันทรวงศ์, 2556 น. 43) พวกเขายังต้องการยกเลิก
          ค่านิยมแบบจารีตหรือที่เป็นที่ยอมรับกันแล้วอย่างถึงรากถึงโคน โดยมี

          ความหวังว่ายิ่งมนุษย์ “รู้แจ้ง” มากขึ้นเท่าใด รู้ซึ้งถึงผลประโยชน์ที่แท้จริง
          ของเขามากยิ่งขึ้นเท่าใด เขาก็จะเข้าใจสายสัมพันธ์แบบความสัมพันธ์

          กับผู้อื่นมากยิ่งขึ้นไปด้วยเป็นเงาตามตัว (สมบัติ จันทรวงศ์, 2556 น. 44)
                                                         11
          โดยสมบัติได้หยิบยกเอาค�าแถลงของคณะนิติราษฎร์  ขึ้นมาอธิบาย
          ว่า ข้อธรรมและความเชื่อในทางจารีตประเพณีเป็นกรงขังการใช้เหตุผล

          ของมนุษย์ (สมบัติ จันทรวงศ์, 2553, น. 8) เป็นตัวอย่างของหลักคิดแบบ
          “รู้แจ้ง” ในบริบทสังคมไทย

                   เมื่อมนุษย์มีเหตุผลและยึดหลักเรื่องความเสมอภาค อิสรภาพ

          ขึ้นมาแล้วการเกิดขึ้นของคติแบบปัจเจกบุคคลนิยมแล้วลัทธิเสรีนิยม
          (liberalism) เองก็เป็นอีกความคิดหนึ่งที่รองรับทุนนิยมและบ่อนเซาะ

          คุณธรรม การยึดถือเอาปัจเจกบุคคลเป็นหัวใจของอิสรภาพ จริยธรรม
          และศีลธรรมเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละบุคคลนั้น (สมบัติ จันทรวงศ์,
          2553, น. 22) ความแตกต่างด้านจริยธรรมของผู้คนมีฐานะไม่แตกต่าง

          อะไรจากความแตกต่างด้านรสนิยม ปัจเจกบุคคลต้องไม่ประเมินคุณค่า


          11   ดร.วรเจตน์ ได้อธิบายโดยเน้นความส�าคัญของเหตุผลจนท�าให้เหตุผลเท่ากับ
          ความดี ไว้ว่า “ทั้งนี้โดยที่ถือว่า “เหตุผล” มีคุณค่าเท่าเทียมกับ “ความดี” การใช้
          สติปัญญาครุ่นคิดตรึกตรองไม่หลงเชื่ออะไรอย่างงมงายมีค่าเป็นคุณธรรม ถือว่า
          มนุษย์ทั้งหลายสามารถที่จะได้รับการฝึกฝนให้ใช้สติปัญญาได้ และถือว่าเหตุผล
          เป็นเครื่องมือที่ส�าคัญในการรับรู้ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัวอย่างเท่าทัน” โปรดดู
          สมบัติ จันทรวงศ์, (2555), “วิถีประชาธิปไตยไทย : มุมมองเบื้องต้นว่าด้วยตัวตน
          สิทธิและจริยธรรมทางการเมือง (ตอนที่หนึ่ง)”, วารสารสังคมศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์
          จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปีที่ 42 ฉบับที่ 1 (มกราคม – มิถุนายน), น. 5-36.
   118   119   120   121   122   123   124   125   126   127   128