Page 125 - kpiebook65037
P. 125
124 ตัวชี้วัดหลักคุณธรรม
ก็บังคับคุณได้ แต่เพราะผมมีอ�านาจทางการเมือง ผมถึงบังคับคุณได้”
ส่อว่าคนที่พูดอย่างนี้น่าจะมีสมมติฐานอยู่ในใจแล้วว่าผู้มีอ�านาจเป็น
ผู้มีคุณธรรมในระดับหนึ่ง เพราะล�าพังการมีอ�านาจทางการเมืองอยู่ในมือ
ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าผู้มีอ�านาจนั้นจะใช้อ�านาจอย่างยุติธรรมหรือ
ใช้อ�านาจอย่างยุติธรรมทุกครั้ง เพราะฉะนั้นคนที่มีอ�านาจทางการเมือง
จึงต้องยิ่งมีความจ�าเป็นที่จะต้องมีคุณธรรมเพื่อก�ากับให้เขาใช้อ�านาจ
ทางการเมืองอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่เพื่อกลั่นแกล้งผู้อื่น การใช้อ�านาจ
ในทางที่ผิดย่อมเป็นการกระท�าที่ผิดกฎหมาย แต่จะยิ่งดีกว่านั้นหากผู้ที่
มีอ�านาจนั้นมีความปรารถนาในใจ คือส�านึกทางศีลธรรมว่าจะไม่กระท�าผิด
ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ควบคู่ไปกับการมองว่าเสรีนิยมประชาธิปไตยเป็นแค่
เรื่องของระบบกฎหมายที่ท�าให้คนที่แตกต่างกันอยู่ร่วมกันได้ โดยมี
สถาบันทางการเมืองที่เป็นเสรีเป็นกลไกหลักโดยไม่ต้องพึ่งพามิติด้าน
ศีลธรรมของมนุษย์ ได้แก่ การมองว่าควรออกแบบสถาบันทางการเมือง
ในลักษณะของกลไกที่ให้ “คนชั่วมาถ่วงดุลกัน” เรื่องนี้สมบัติตั้งข้อสังเกต
ไว้สองประการ ประการแรก “ความคิดเรื่องเอาคนชั่วมาถ่วงดุลกัน”
เป็นกรอบแนวคิดที่เกิดขึ้นในบริบทของสังคมประชาธิปไตยเองและ
มีเจตนาใช้ผ่อนปรนอ�านาจที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด ให้อ่อนก�าลัง
หรือบรรเทาเบาบางลง ประการที่สองเป็นข้อสงสัยธรรมดาๆ ว่าคนชั่วที่ไหน
จะมาเสียเวลานั่งออกแบบรัฐธรรมนูญหรือกติกาสถาบันทางการเมืองให้
“คนชั่วมาถ่วงดุลกัน” คนที่คิดออกแบบสถาบันการเมืองในลักษณะนั้นได้
ย่อมต้องไมใช่คนชั่วเอง แต่ต้องเป็นคนดีเท่านั้น (สมบัติ จันทรวงศ์,
2556 น. 81-82)
สิ่งที่เป็นบาปหรือสิ่งที่ไม่ดีบ่อนเซาะคุณธรรมนั้นคือลัทธิ
ปัจเจกบุคคลนิยมและความเชื่อเรื่องความเสมอภาคบ่อนเซาะทั้งคุณธรรม
ในชีวิตในส่วนตนและชีวิตสาธารณะ ความชื่นชมในความสุขทางกาย